[postlink]https://aodnoommovieclub.blogspot.com/2010/07/storm-rider-clash-of-evils.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=UhosXHL3Xj0endofvid
[starttext]
ก่อนจะพบกับ The Storm Warriors หรือ ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้าภาคสอง ในปลายปี 2009 มีงานอุ่นเครื่องให้หายคิดถึงจอมยุทธสายลม และเมฆา คู่นี้กันก่อนหน้า ด้วยงาน อนิเมชั่นฉบับฉายโรงความยาวเกือบสองชั่วโมงที่ใช้เชื่อว่า Storm Rider – Clash of Evils ถือว่าเป็นความฝันที่เป็นจริง ของแฟนๆ เรื่องนี้ที่ได้เห็นการ์ตูนจีน ได้ขยับขยายสู่จอ และเล่าเรื่องด้วยภาพเคลื่อนไหวตามรอยการ์ตูนญี่ปุ่น กับเขาบ้าง
ผู้กุมบังเหียนในการนำฟงอวิ๋น กลับสู่จอใหญ่ ในรูปแบบที่แตกต่างครั้งนี้ ก็คือ ดังเต้ แลม (Dante Lam Chiu-Yin) ผู้กำกับหนังชาวฮ่องกงที่มีผลงานน่าสนใจมาแล้วหลายเรื่อง แต่ก็น่ากังวลอยู่ไม่น้อยในเมื่องานเก่าๆ ของเขาที่น่าสนใจของเขา ล้วนจำกัดอยู่ที่หนังประเภทเจ้าพ่อมาเฟีย
หนังเป็นผลงานการสร้างของบริษัทอนิเมชั่นหน้าใหม่ไฟแรงจาก เซินเจิ้นที่ชื่อว่า Puzzle Animation Studio Limited รวมกับบริษัทสื่อยักใหญ่่อย่าง Shanghai Media Group แต่กว่าที่หนังจะสร้างเสร็จ และออกฉายต้องกินเวลาเนินนาน จากตัวอย่างแรกที่ปรากฏโฉมในปี 2006 แต่กว่าตัวหนังจะได้ฤกษ์ออกฉายจริง ก็ต้องรอเวลาให้ฝ่านล่วงเลยมาถึงสองปีในปี 2008 รวมแล้วในการผลิตกินเวลายาวนานถึง 5 ปีเต็ม
มีดาราชื่อดังมาให้เสียมากมาย ในเวอร์ชั่นภาษากวางตุ้งประกอบไปด้วย พระเอกหนุ่มจากทีวีบีหลินฟง Hin Cheung, Juno Mak และตี้หลุง ขณะที่เวอร์ชั่นแมนดารินได้สองพระเอกชื่อดัง เซียะถิงฟง และเยิ่นเสียนฉี มาพากย์เป็น ปู้จิ้งหวิน และเนี่ยฟงตามลำดับ
หนังเล่าเรื่องราวที่คล้ายจะเป็นตอนต่อจาก ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า ฉบับภาพยนตร์เมื่อสิบปีก่อน หลังจากบทบรรยาศถึงเรื่องราวแต่หนหลัง หนังเปิดเรื่องด้วยฉากการดวลกันระหว่าง ปู้จิ้งหวิน เนี่ยฟง และ สงป้า เจ้าสำนักใต้ล่า และอาจารย์ของเขาทั้งสอง การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด แม้ฝ่ายจอมยุทธหนุ่มทั้งสองจะประสานมือ กันต่อกรก็ไม่สามารถโค่น สงป้า ลงได้
ทางเดียวที่เหลือก็คือ เนี่ยฟง ที่ได้อาบเลือดกิเลนไฟ สามารถปลุกพลังแฝงในตัวขึ้นมา ตาที่สามของเขาเปิดออก และระเบิดเป็นกำลังภายในมหาศาล สุดท้ายจึงโค้นสงป้าลงไปได้ แต่เนี่ยฟงเองไม่สามารถควบคุมพลังที่ทะลักออกมาได้อีกต่อไป จนเกิดการต่อสู้อย่างรุนแรงระหว่างทั้งสอง แม้ปู้จิ้งหวิน จะพยายามหยุดยั่งความบ้าคลั่งของเนี่ยฟงลงได้ แต่ก็สร้างความบาดเจ็บให้กับทั้งสองอย่างแสนสาหัส ตัวของปู้จิงหวินเอง ได้ตกลงไปในแม่น้ำใหญ่จนหายสาบสูญไป
ที่กล่าวไปนั้นเป็นเหมือนอรัมภบท ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องราวที่แท้จริง แม้เนื้อหาดูจะมีความเชื่อมโยง ต่อเนื่องจากภาคหนังใหญ่เมื่อสิบปีก่อน แต่เนื้อหาใน Storm Rider – Clash of Evils ดูจะมีการอ้างอิงจากเวอร์ชั่นต้นฉบับหนังสือการ์ตูนมากกว่า
ตัวละครหลักจากหนังสือ ที่ไม่ได้ถูกแนะนำในหนัง เวอร์ชั่นเมื่อสิบปีก่อน กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้ง ต้วนล่าง ลูกชายของต้วนซ่วยเจ้าของกระบี่กิเลนไฟ สหายสนิทแต่วัยเยาว์ที่ต่อมากลายเป็นคู่อาฆาตของเนี่ยฟง กลายมาเป็นตัวละครสำคัญในเรื่อง เขาเดินทางมาเข้าพบ และเพื่อข้อเสนอแลกเปลี่ยนบางประการ ต่อนายน้อยแห่งหมู่บ้านกระบี่
อดีตทายาทตระกูลช่างตีอาวุธของฮ่องเต้ โอวจู้ (Ao Jue ถ้าเขียนชื่อผิดขออภัยนะครับ) ผู้รอดชีวิตหลังจากการกวาดล้างหมู่บ้านกระบี่จากราชสำนัก เขารอวันที่จะกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ และการแก้แค้นเพื่อการนี้เลือดกิเลนไฟ ที่ถูกสกดอยู่ในตัวของสองจอมยุทธ ฟงอวิ๋น มีความสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในการเปิดพนึกดาบกิเลนไฟ ของด้วนซ่วย อันจะนำมาซึ่งพลังอันมหาศาล
ทั้งสองตกลงร่วมมือกัน เพื่อตามจอมยุทธ ฟงอวิ๋น ที่หาญสาบสูญไป หลังจากปราบสงบ้าลงไปได้ โดยพึ่งพากำลังของพรรคไต้ล้า ที่ไร้ผู้นำและกำลังเริ่มแตกกระสานซ่านเซ็น ฝ่ายสองจอมยุทธตัวเอกของเรื่อง ก็กระจัดกระจายแยกทางกันไปคนละด้าน ฝ่ายเนี่ยฟง แม้สามารถกลับคืนสุ่สามัญสำนึก แต่กลับต้องเจ็บปวด เมามาย และใช้ชีวิตอย่างไร้ทิศทาง เมื่อรับรู้ว่าได้ทำร้ายสหายสนิทจนหายสาบสูญไป
ส่วนปู้จิงหวินเอง ได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มเด็กชาวบ้าน แต่ความจำเกือบทั้งหมดได้สูญหายไป จอมยุทธหนุ่มไม่สามารถจดจำเรื่องราวในอดีตใดๆ ได้ แม้กระทังว่าตัวเองเป็นจอมยุทธผู้เก่งกาจ เขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่กลับ กลุ่มโจรเด็กกำพร้า ในหมู่บ้าแห่งหนึ่ง แต่ปู้จิงหวินก็ไม่สามารถทิ้งอดีตที่ผ่านมาของเขาลงไปได้ อย่างวิชาฝีมือที่ฝึกฝนมานาน ก็ยังคงสามารถใช้ได้อย่างคล่องแคว้ว แม้เขาเองจะไม่ได้ล่วงรู้ที่มาของพลังในตัวเองเลยก็ตาม
ร่องรอยที่เกิดจากการใช้เพลงยุทธกลายเป็น ร่องรอยที่พาความยุ่งยากมาหาตัวของ ปู้จิงหวิน และนำมาให้เขาได้พบกับ เนี่ยฟง อีกครั้ง เพศภัยของทั้งสองยังไม่หมดสิ้น เลือดของกิลนไฟในตัวของเนี่ยฟง ไม่ได้ถูกสะกดอย่างสมบูรณ์ นอกเหนือไปจากนั้น ทั้งสองก็กำลังเป็นเป้าหมายสำคัญของ สองคนอันตรายอย่าง ต้วนล่าง และโอวจู
แต่เนี่ยฟง กลับยุติความคิดที่จะพื้นความทรงจำให้กับปู้จิงหวิน เพื่อพบว่าการลืมเลือนอดีตอันจิตปวดทั้งสิ้นไปนั้น สร้างปัจจุบันที่มีความสุขให้กับเขามากกว่า ในขณะเดียวกันพวกของต้วนล่าง และโอวจู ก็กำลังใกล้มาถึงตัวของเขาทั้งสองเต็มทน
ฟงอวิ๋นเป็นหนังสือที่มีแฟนๆ อยู่มากมาย หนัง Storm Rider – Clash of Evils ก็ดูเหมือนจะถูกสร้างมาเพื่อรองรับแฟนเก่าๆ ของหนังสือกันโดยเฉพาะ ส่งผลให้เรื่องราวหลายตอนค่อนข้างเข้าใจได้ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวละครมากมายถูกแนะนำอย่างไม่มีบี่มีขลุ่ย ฉากแฟชลแบ็กที่ใส่เข้ามาก็ไม่เพียงพอต่อ ข้อมูล และเรื่องราวเบื้องหลังอันมากมาย ที่จำเป็นต่อการเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
หนังอาจสร้างความพึงพอใจสำหรับผู้ผ่านตา การ์ตูนต้นฉบับมาก่อนหน้า แต่ก็สร้างปัญหาให้กับแฟนพันธ์ทางที่ไม่เข้าใจ ความสัมพันธ์อันซับซ้อนของตัวละคร และเรื่องราว ที่เนื้อหาถูกผูก มาอย่างยาวนาน การใส่ตัวละคร “อู๋หมิง” เข้าไปในหนังเป็นตัวอย่างอันชัดเจนที่สุด ของปัญหาในข้อนี้ ด้วยการเล่าเรื่องอันจำกัด การยัดเยียดบทบาทในช่วงสำคัญให้กับตัวละครตัวนี้ ก็อาจะทำให้ผู้ที่ไม่เข้าใจภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ ของอู๋หมิง จากหนังสือการ์ตูน งงงวยได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าหนังจะดูไม่สนุก ในทางเนื้อเรื่องหนังอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่คุณภาพของ อนิเมชั่นที่ออกมานั้นอยู่ในระดับที่เรียกว่า “ดีกว่าที่คิด” ช่วยทำให้สามารถดู Storm Rider – Clash of Evils จนจบได้อย่างเพลิดเพลิน
หนังใช้เทคนิคประสมระหว่างภาพการ์ตูน 2มิติ กับคอมพิวเตอร์กราฟฟิค 3มิติ โดยส่วนแรกใช้ในการสร้างตัวละคร ขณะที่ส่วนหลังมีหน้าที่ในการสร้างฉากหลัง งานทั้งสองด้านออกมาดูดีใช้ได้ หนังถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งเลย ในการเปลี่ยนลายเส้นอันวิจิตของ หม่าซิงอู่ ให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหว การออกแบบฉากสู้ งานศิลป์ รวมถึงมุมภาพ ทำได้อย่างน่าชมเชย ความกลมกลืนของ 2D และ 3D ก็อยู่ในขั้นยอมรับได้
อย่างไรเสียอนิเมชั่น ก็คล้ายๆ กับหนังโชว์สเปลเชี่ยวเอฟเฟค ที่ต้องพึ่งพิงงานด้านเทคนิคอย่างสูง นำมาซึ่งต้นทุนมหาศาล หนังอย่าง Storm Rider – Clash of Evils เป็นงานที่น่ายกย่องในความทะเยอทะยาน แต่ความจำกัดจำเขี่ย และความด้อยประสบการณ์ ก็จะนำมาซึ่งความขัดหูขัดตาในบางประการขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง มีบางฉากที่การเคลื่อนไหวของตัวละครเป็นไปอย่างไม่ราบลื่น มีการเคลื่อนไหวที่ผิดธรรมชาติ และฉากเล็กๆ ที่ไม่ได้มีความสำัคัญหลายฉาก ก็มีลักษณะของงาน “เผา” ที่ทำอย่างลวกๆ อยู่บ้าง
Storm Rider – Clash of Evils อาจจะไม่ได้เป็นงานที่สมบูรณ์พร้อมนัก เนื้อเรื่องเป็นส่วนที่มีปัญหามากที่สุด แต่ภาพรวมก็ยังเป็นงานที่ดูสนุก น่าสนใจ และสดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเมินว่า นี้เป็นงานที่สร้างโดยฮ่องกงเองอย่างสมบูรณ์
[endtext]
[starttext]
ก่อนจะพบกับ The Storm Warriors หรือ ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้าภาคสอง ในปลายปี 2009 มีงานอุ่นเครื่องให้หายคิดถึงจอมยุทธสายลม และเมฆา คู่นี้กันก่อนหน้า ด้วยงาน อนิเมชั่นฉบับฉายโรงความยาวเกือบสองชั่วโมงที่ใช้เชื่อว่า Storm Rider – Clash of Evils ถือว่าเป็นความฝันที่เป็นจริง ของแฟนๆ เรื่องนี้ที่ได้เห็นการ์ตูนจีน ได้ขยับขยายสู่จอ และเล่าเรื่องด้วยภาพเคลื่อนไหวตามรอยการ์ตูนญี่ปุ่น กับเขาบ้าง
ผู้กุมบังเหียนในการนำฟงอวิ๋น กลับสู่จอใหญ่ ในรูปแบบที่แตกต่างครั้งนี้ ก็คือ ดังเต้ แลม (Dante Lam Chiu-Yin) ผู้กำกับหนังชาวฮ่องกงที่มีผลงานน่าสนใจมาแล้วหลายเรื่อง แต่ก็น่ากังวลอยู่ไม่น้อยในเมื่องานเก่าๆ ของเขาที่น่าสนใจของเขา ล้วนจำกัดอยู่ที่หนังประเภทเจ้าพ่อมาเฟีย
หนังเป็นผลงานการสร้างของบริษัทอนิเมชั่นหน้าใหม่ไฟแรงจาก เซินเจิ้นที่ชื่อว่า Puzzle Animation Studio Limited รวมกับบริษัทสื่อยักใหญ่่อย่าง Shanghai Media Group แต่กว่าที่หนังจะสร้างเสร็จ และออกฉายต้องกินเวลาเนินนาน จากตัวอย่างแรกที่ปรากฏโฉมในปี 2006 แต่กว่าตัวหนังจะได้ฤกษ์ออกฉายจริง ก็ต้องรอเวลาให้ฝ่านล่วงเลยมาถึงสองปีในปี 2008 รวมแล้วในการผลิตกินเวลายาวนานถึง 5 ปีเต็ม
มีดาราชื่อดังมาให้เสียมากมาย ในเวอร์ชั่นภาษากวางตุ้งประกอบไปด้วย พระเอกหนุ่มจากทีวีบีหลินฟง Hin Cheung, Juno Mak และตี้หลุง ขณะที่เวอร์ชั่นแมนดารินได้สองพระเอกชื่อดัง เซียะถิงฟง และเยิ่นเสียนฉี มาพากย์เป็น ปู้จิ้งหวิน และเนี่ยฟงตามลำดับ
หนังเล่าเรื่องราวที่คล้ายจะเป็นตอนต่อจาก ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า ฉบับภาพยนตร์เมื่อสิบปีก่อน หลังจากบทบรรยาศถึงเรื่องราวแต่หนหลัง หนังเปิดเรื่องด้วยฉากการดวลกันระหว่าง ปู้จิ้งหวิน เนี่ยฟง และ สงป้า เจ้าสำนักใต้ล่า และอาจารย์ของเขาทั้งสอง การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด แม้ฝ่ายจอมยุทธหนุ่มทั้งสองจะประสานมือ กันต่อกรก็ไม่สามารถโค่น สงป้า ลงได้
ทางเดียวที่เหลือก็คือ เนี่ยฟง ที่ได้อาบเลือดกิเลนไฟ สามารถปลุกพลังแฝงในตัวขึ้นมา ตาที่สามของเขาเปิดออก และระเบิดเป็นกำลังภายในมหาศาล สุดท้ายจึงโค้นสงป้าลงไปได้ แต่เนี่ยฟงเองไม่สามารถควบคุมพลังที่ทะลักออกมาได้อีกต่อไป จนเกิดการต่อสู้อย่างรุนแรงระหว่างทั้งสอง แม้ปู้จิ้งหวิน จะพยายามหยุดยั่งความบ้าคลั่งของเนี่ยฟงลงได้ แต่ก็สร้างความบาดเจ็บให้กับทั้งสองอย่างแสนสาหัส ตัวของปู้จิงหวินเอง ได้ตกลงไปในแม่น้ำใหญ่จนหายสาบสูญไป
ที่กล่าวไปนั้นเป็นเหมือนอรัมภบท ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องราวที่แท้จริง แม้เนื้อหาดูจะมีความเชื่อมโยง ต่อเนื่องจากภาคหนังใหญ่เมื่อสิบปีก่อน แต่เนื้อหาใน Storm Rider – Clash of Evils ดูจะมีการอ้างอิงจากเวอร์ชั่นต้นฉบับหนังสือการ์ตูนมากกว่า
ตัวละครหลักจากหนังสือ ที่ไม่ได้ถูกแนะนำในหนัง เวอร์ชั่นเมื่อสิบปีก่อน กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้ง ต้วนล่าง ลูกชายของต้วนซ่วยเจ้าของกระบี่กิเลนไฟ สหายสนิทแต่วัยเยาว์ที่ต่อมากลายเป็นคู่อาฆาตของเนี่ยฟง กลายมาเป็นตัวละครสำคัญในเรื่อง เขาเดินทางมาเข้าพบ และเพื่อข้อเสนอแลกเปลี่ยนบางประการ ต่อนายน้อยแห่งหมู่บ้านกระบี่
อดีตทายาทตระกูลช่างตีอาวุธของฮ่องเต้ โอวจู้ (Ao Jue ถ้าเขียนชื่อผิดขออภัยนะครับ) ผู้รอดชีวิตหลังจากการกวาดล้างหมู่บ้านกระบี่จากราชสำนัก เขารอวันที่จะกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ และการแก้แค้นเพื่อการนี้เลือดกิเลนไฟ ที่ถูกสกดอยู่ในตัวของสองจอมยุทธ ฟงอวิ๋น มีความสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในการเปิดพนึกดาบกิเลนไฟ ของด้วนซ่วย อันจะนำมาซึ่งพลังอันมหาศาล
ทั้งสองตกลงร่วมมือกัน เพื่อตามจอมยุทธ ฟงอวิ๋น ที่หาญสาบสูญไป หลังจากปราบสงบ้าลงไปได้ โดยพึ่งพากำลังของพรรคไต้ล้า ที่ไร้ผู้นำและกำลังเริ่มแตกกระสานซ่านเซ็น ฝ่ายสองจอมยุทธตัวเอกของเรื่อง ก็กระจัดกระจายแยกทางกันไปคนละด้าน ฝ่ายเนี่ยฟง แม้สามารถกลับคืนสุ่สามัญสำนึก แต่กลับต้องเจ็บปวด เมามาย และใช้ชีวิตอย่างไร้ทิศทาง เมื่อรับรู้ว่าได้ทำร้ายสหายสนิทจนหายสาบสูญไป
ส่วนปู้จิงหวินเอง ได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มเด็กชาวบ้าน แต่ความจำเกือบทั้งหมดได้สูญหายไป จอมยุทธหนุ่มไม่สามารถจดจำเรื่องราวในอดีตใดๆ ได้ แม้กระทังว่าตัวเองเป็นจอมยุทธผู้เก่งกาจ เขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่กลับ กลุ่มโจรเด็กกำพร้า ในหมู่บ้าแห่งหนึ่ง แต่ปู้จิงหวินก็ไม่สามารถทิ้งอดีตที่ผ่านมาของเขาลงไปได้ อย่างวิชาฝีมือที่ฝึกฝนมานาน ก็ยังคงสามารถใช้ได้อย่างคล่องแคว้ว แม้เขาเองจะไม่ได้ล่วงรู้ที่มาของพลังในตัวเองเลยก็ตาม
ร่องรอยที่เกิดจากการใช้เพลงยุทธกลายเป็น ร่องรอยที่พาความยุ่งยากมาหาตัวของ ปู้จิงหวิน และนำมาให้เขาได้พบกับ เนี่ยฟง อีกครั้ง เพศภัยของทั้งสองยังไม่หมดสิ้น เลือดของกิลนไฟในตัวของเนี่ยฟง ไม่ได้ถูกสะกดอย่างสมบูรณ์ นอกเหนือไปจากนั้น ทั้งสองก็กำลังเป็นเป้าหมายสำคัญของ สองคนอันตรายอย่าง ต้วนล่าง และโอวจู
แต่เนี่ยฟง กลับยุติความคิดที่จะพื้นความทรงจำให้กับปู้จิงหวิน เพื่อพบว่าการลืมเลือนอดีตอันจิตปวดทั้งสิ้นไปนั้น สร้างปัจจุบันที่มีความสุขให้กับเขามากกว่า ในขณะเดียวกันพวกของต้วนล่าง และโอวจู ก็กำลังใกล้มาถึงตัวของเขาทั้งสองเต็มทน
ฟงอวิ๋นเป็นหนังสือที่มีแฟนๆ อยู่มากมาย หนัง Storm Rider – Clash of Evils ก็ดูเหมือนจะถูกสร้างมาเพื่อรองรับแฟนเก่าๆ ของหนังสือกันโดยเฉพาะ ส่งผลให้เรื่องราวหลายตอนค่อนข้างเข้าใจได้ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวละครมากมายถูกแนะนำอย่างไม่มีบี่มีขลุ่ย ฉากแฟชลแบ็กที่ใส่เข้ามาก็ไม่เพียงพอต่อ ข้อมูล และเรื่องราวเบื้องหลังอันมากมาย ที่จำเป็นต่อการเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
หนังอาจสร้างความพึงพอใจสำหรับผู้ผ่านตา การ์ตูนต้นฉบับมาก่อนหน้า แต่ก็สร้างปัญหาให้กับแฟนพันธ์ทางที่ไม่เข้าใจ ความสัมพันธ์อันซับซ้อนของตัวละคร และเรื่องราว ที่เนื้อหาถูกผูก มาอย่างยาวนาน การใส่ตัวละคร “อู๋หมิง” เข้าไปในหนังเป็นตัวอย่างอันชัดเจนที่สุด ของปัญหาในข้อนี้ ด้วยการเล่าเรื่องอันจำกัด การยัดเยียดบทบาทในช่วงสำคัญให้กับตัวละครตัวนี้ ก็อาจะทำให้ผู้ที่ไม่เข้าใจภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ ของอู๋หมิง จากหนังสือการ์ตูน งงงวยได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าหนังจะดูไม่สนุก ในทางเนื้อเรื่องหนังอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่คุณภาพของ อนิเมชั่นที่ออกมานั้นอยู่ในระดับที่เรียกว่า “ดีกว่าที่คิด” ช่วยทำให้สามารถดู Storm Rider – Clash of Evils จนจบได้อย่างเพลิดเพลิน
หนังใช้เทคนิคประสมระหว่างภาพการ์ตูน 2มิติ กับคอมพิวเตอร์กราฟฟิค 3มิติ โดยส่วนแรกใช้ในการสร้างตัวละคร ขณะที่ส่วนหลังมีหน้าที่ในการสร้างฉากหลัง งานทั้งสองด้านออกมาดูดีใช้ได้ หนังถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งเลย ในการเปลี่ยนลายเส้นอันวิจิตของ หม่าซิงอู่ ให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหว การออกแบบฉากสู้ งานศิลป์ รวมถึงมุมภาพ ทำได้อย่างน่าชมเชย ความกลมกลืนของ 2D และ 3D ก็อยู่ในขั้นยอมรับได้
อย่างไรเสียอนิเมชั่น ก็คล้ายๆ กับหนังโชว์สเปลเชี่ยวเอฟเฟค ที่ต้องพึ่งพิงงานด้านเทคนิคอย่างสูง นำมาซึ่งต้นทุนมหาศาล หนังอย่าง Storm Rider – Clash of Evils เป็นงานที่น่ายกย่องในความทะเยอทะยาน แต่ความจำกัดจำเขี่ย และความด้อยประสบการณ์ ก็จะนำมาซึ่งความขัดหูขัดตาในบางประการขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง มีบางฉากที่การเคลื่อนไหวของตัวละครเป็นไปอย่างไม่ราบลื่น มีการเคลื่อนไหวที่ผิดธรรมชาติ และฉากเล็กๆ ที่ไม่ได้มีความสำัคัญหลายฉาก ก็มีลักษณะของงาน “เผา” ที่ทำอย่างลวกๆ อยู่บ้าง
Storm Rider – Clash of Evils อาจจะไม่ได้เป็นงานที่สมบูรณ์พร้อมนัก เนื้อเรื่องเป็นส่วนที่มีปัญหามากที่สุด แต่ภาพรวมก็ยังเป็นงานที่ดูสนุก น่าสนใจ และสดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเมินว่า นี้เป็นงานที่สร้างโดยฮ่องกงเองอย่างสมบูรณ์
[endtext]
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น