[postlink]https://aodnoommovieclub.blogspot.com/2012/06/shame.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=24cjqfVv1fsendofvid
[starttext]
วันที่เข้าฉาย01 มีนาคม 2555 แนวหนังดราม่า ผู้กำกับสตีฟ แม็คควีน นักแสดงไมเคิล ฟาสเบนเดอร์, แคร์ มัลลิแกน, ลูซี่ วอลเธอร์, เจมส์ เบดจ์ เดลล์ จัดอยู่ในเรต Shame เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายผู้ไร้อิสระ Shame เป็นการสำรวจตัวละครที่มีอิสระเสรีทุกอย่างตามแบบตะวันตก แต่เขากลับใช้ร่างกายตัวเองในการสร้างที่คุมขังตัวเขาเองขึ้นมา แบรนดอน (ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) เป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 30 ปีที่ประสบความสำเร็จ เขาใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายในอพาร์ทเมนต์ของเขาที่นิวยอร์ก ยามว่างจากชีวิตในคอกทำงาน เขาก็จะหว่านเสน่ห์ให้สาวๆ ซึ่งนำไปสู่ความรักครั้งแล้วครั้งเล่ากับความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืน และลงเอยด้วยการเลิกรา อย่างไรก็ดีจังหวะชีวิตที่ผ่านการควบคุมอย่างดีของแบรนดอนก็มีอันต้องพัง ทลายลงเมื่อ ซิสซี (แครีย์ มุลลิแกน) น้องสาวผู้ไร้ระเบียบของเขา เดินก้าวเข้ามาในชีวิตเขาโดยไม่บอกกล่าว และการที่เธอบุกรุกก้าวล่วงเข้ามาในชีวิตเขา ทำให้แบรนดอนตัดสินใจใช้ชีวิตเดินเข้าสู่มุมมืดของนิวยอร์กมากขึ้น ——————————————————————————————————– ข้อมูลงานสร้าง Shame ถ่ายทำใน นิวยอร์กซิตี้ ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม ปี 2011 ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการร่วมงานครั้งที่สองระหว่างผู้กำกับสตีฟ แม็คควีน (Hunger) และนักแสดงหนุ่ม ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ (Inglourious Basterds, X-Men: First Class) ใน Shame ฟาสเบนเดอร์รับบทแบรนดอน ผู้บริหารหนุ่มชาวนิวยอร์ก ผู้หลบหนีจากชีวิตที่ปลอดภัยแบบเดิมๆ ด้วยการหาประสบการณ์ทางเพศกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่กิจวัตรประจำวันของเขาต้องพลิกตารปัตรด้วยการมาถึงอย่างไม่คาดฝันของซิสซี น้องสาวผู้เป็นนักร้องตะกายดาว รับบทโดย แครีย์ มุลลิแกน (จากผลงาน An Education และ The Great Gatsby) ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี อวอร์ด ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงสานต่อความรู้สึกลึกซึ้งและความผูกพันในแบบที่แม็คควีนได้เริ่มต้นเอาไว้ใน Hunger ผลงานกำกับเรื่องแรกในปี 2008 ของเขา แต่ก็ได้ขยายขอบเขตจากตัวละครหลักเพียงแค่ตัวเดียวไปเป็นการสำรวจความท้าทายของความสัมพันธ์ร่วมสมัยของมนุษย์ หลังจากความสำเร็จเชิงคำวิจารณ์ของ Hunger ซึ่งทำให้แม็คควีนได้รับรางวัลคาเมรา ดิ ออร์ (สำหรับผู้กำกับหน้าใหม่) ในตอนที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นเปิดตัวในเทศกาลเมืองคานส์ แม็คควีนและฟาสเบนเดอร์ก็กระตือรือร้นที่จะได้ร่วมงานกันอีกครั้ง “ไมเคิลเป็นอัจฉริยะจริงๆ ครับ” แม็คควีนบอก “ผมอยากจะร่วมงานกับนักแสดงที่ดีที่สุด และผมก็คิดว่าเขาเป็นคนๆ นั้น” ฟาสเบนเดอร์เองก็ต้องการจะร่วมงานกับแม็คควีนเช่นกันด้วยความชื่นชมที่เขามีต่อการทำงานที่ผลักดันนักแสดงให้ถึงขีดจำกัดของตัวเองของผู้กำกับ “สตีฟเป็นคนกำหนดโทนขึ้นจริงๆ ดังนั้น ทุกคนก็เลยทั้งกลัวและตื่นเต้นในขณะเดียวกัน” ฟาสเบนเดอร์บอก “มันเหมือนกับการปล่อยวาง กำจัดตาข่ายป้องกันภัย และปล่อยตัวไปตามสบายครับ” “การร่วมงานกับสตีฟเป็นเหมือนการก้าวขึ้นไปตรงหุบเหวครับ” เจมส์ แบดจ์ เดล ผู้รับบทเดวิด เจ้านายจอมเจ้าชู้ของแบรนดอน บอก “คุณจะมองไม่เห็นว่าอะไรอยู่ที่ก้นเหว แล้วเขาก็จะบอกว่า ไปสิ กระโดดเลย ซึ่งคุณก็ไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น…แล้วสตีฟเองก็กระโดดเหมือนกัน เขาเสี่ยงไปกับคุณด้วย” โอกาสในการได้ร่วมงานกับแม็คควีนและทีมนักแสดงของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้แครีย์ มุลลิแกนไล่ตามบทนี้ก่อนที่จะได้รับการทาบทามเสียอีก “ในตอนที่บทภาพยนตร์เรื่องนี้เข้ามา แล้วฉันรู้ว่ามีสตีฟกับไมเคิลอยู่ด้วย ฉันก็รู้ว่ามันเป็นงานในฝันค่ะ” มุลลิแกนพูดถึงทั้งคู่ “ฉันได้พบกับสตีฟเพื่อดื่มกาแฟกันในลอนดอนและเขาก็พยายามจะขอตัวกลับตลอดเลย ซึ่งฉันก็ต้องคอยรั้งเขาไว้แล้วบอกว่า ‘ไม่นะไม่! คุณยังไม่ได้ให้งานฉันเลย!’ ฉันบีบคั้นให้เขาให้บทนี้กับฉันค่ะ” ความจำเป็นในการถ่ายทอดธรรมชาติที่อารมณ์อ่อนไหวและคาดเดาไม่ได้ของซิสซีทำให้มุลลิแกนต้องผลักดันตัวเองมากขึ้นในฐานะนักแสดงหญิง แม้ว่านี่จะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เธอชื่นชอบบทนี้ [endtext]
[starttext]
วันที่เข้าฉาย01 มีนาคม 2555 แนวหนังดราม่า ผู้กำกับสตีฟ แม็คควีน นักแสดงไมเคิล ฟาสเบนเดอร์, แคร์ มัลลิแกน, ลูซี่ วอลเธอร์, เจมส์ เบดจ์ เดลล์ จัดอยู่ในเรต Shame เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายผู้ไร้อิสระ Shame เป็นการสำรวจตัวละครที่มีอิสระเสรีทุกอย่างตามแบบตะวันตก แต่เขากลับใช้ร่างกายตัวเองในการสร้างที่คุมขังตัวเขาเองขึ้นมา แบรนดอน (ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) เป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 30 ปีที่ประสบความสำเร็จ เขาใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายในอพาร์ทเมนต์ของเขาที่นิวยอร์ก ยามว่างจากชีวิตในคอกทำงาน เขาก็จะหว่านเสน่ห์ให้สาวๆ ซึ่งนำไปสู่ความรักครั้งแล้วครั้งเล่ากับความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืน และลงเอยด้วยการเลิกรา อย่างไรก็ดีจังหวะชีวิตที่ผ่านการควบคุมอย่างดีของแบรนดอนก็มีอันต้องพัง ทลายลงเมื่อ ซิสซี (แครีย์ มุลลิแกน) น้องสาวผู้ไร้ระเบียบของเขา เดินก้าวเข้ามาในชีวิตเขาโดยไม่บอกกล่าว และการที่เธอบุกรุกก้าวล่วงเข้ามาในชีวิตเขา ทำให้แบรนดอนตัดสินใจใช้ชีวิตเดินเข้าสู่มุมมืดของนิวยอร์กมากขึ้น ——————————————————————————————————– ข้อมูลงานสร้าง Shame ถ่ายทำใน นิวยอร์กซิตี้ ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม ปี 2011 ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการร่วมงานครั้งที่สองระหว่างผู้กำกับสตีฟ แม็คควีน (Hunger) และนักแสดงหนุ่ม ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ (Inglourious Basterds, X-Men: First Class) ใน Shame ฟาสเบนเดอร์รับบทแบรนดอน ผู้บริหารหนุ่มชาวนิวยอร์ก ผู้หลบหนีจากชีวิตที่ปลอดภัยแบบเดิมๆ ด้วยการหาประสบการณ์ทางเพศกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่กิจวัตรประจำวันของเขาต้องพลิกตารปัตรด้วยการมาถึงอย่างไม่คาดฝันของซิสซี น้องสาวผู้เป็นนักร้องตะกายดาว รับบทโดย แครีย์ มุลลิแกน (จากผลงาน An Education และ The Great Gatsby) ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี อวอร์ด ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงสานต่อความรู้สึกลึกซึ้งและความผูกพันในแบบที่แม็คควีนได้เริ่มต้นเอาไว้ใน Hunger ผลงานกำกับเรื่องแรกในปี 2008 ของเขา แต่ก็ได้ขยายขอบเขตจากตัวละครหลักเพียงแค่ตัวเดียวไปเป็นการสำรวจความท้าทายของความสัมพันธ์ร่วมสมัยของมนุษย์ หลังจากความสำเร็จเชิงคำวิจารณ์ของ Hunger ซึ่งทำให้แม็คควีนได้รับรางวัลคาเมรา ดิ ออร์ (สำหรับผู้กำกับหน้าใหม่) ในตอนที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นเปิดตัวในเทศกาลเมืองคานส์ แม็คควีนและฟาสเบนเดอร์ก็กระตือรือร้นที่จะได้ร่วมงานกันอีกครั้ง “ไมเคิลเป็นอัจฉริยะจริงๆ ครับ” แม็คควีนบอก “ผมอยากจะร่วมงานกับนักแสดงที่ดีที่สุด และผมก็คิดว่าเขาเป็นคนๆ นั้น” ฟาสเบนเดอร์เองก็ต้องการจะร่วมงานกับแม็คควีนเช่นกันด้วยความชื่นชมที่เขามีต่อการทำงานที่ผลักดันนักแสดงให้ถึงขีดจำกัดของตัวเองของผู้กำกับ “สตีฟเป็นคนกำหนดโทนขึ้นจริงๆ ดังนั้น ทุกคนก็เลยทั้งกลัวและตื่นเต้นในขณะเดียวกัน” ฟาสเบนเดอร์บอก “มันเหมือนกับการปล่อยวาง กำจัดตาข่ายป้องกันภัย และปล่อยตัวไปตามสบายครับ” “การร่วมงานกับสตีฟเป็นเหมือนการก้าวขึ้นไปตรงหุบเหวครับ” เจมส์ แบดจ์ เดล ผู้รับบทเดวิด เจ้านายจอมเจ้าชู้ของแบรนดอน บอก “คุณจะมองไม่เห็นว่าอะไรอยู่ที่ก้นเหว แล้วเขาก็จะบอกว่า ไปสิ กระโดดเลย ซึ่งคุณก็ไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น…แล้วสตีฟเองก็กระโดดเหมือนกัน เขาเสี่ยงไปกับคุณด้วย” โอกาสในการได้ร่วมงานกับแม็คควีนและทีมนักแสดงของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้แครีย์ มุลลิแกนไล่ตามบทนี้ก่อนที่จะได้รับการทาบทามเสียอีก “ในตอนที่บทภาพยนตร์เรื่องนี้เข้ามา แล้วฉันรู้ว่ามีสตีฟกับไมเคิลอยู่ด้วย ฉันก็รู้ว่ามันเป็นงานในฝันค่ะ” มุลลิแกนพูดถึงทั้งคู่ “ฉันได้พบกับสตีฟเพื่อดื่มกาแฟกันในลอนดอนและเขาก็พยายามจะขอตัวกลับตลอดเลย ซึ่งฉันก็ต้องคอยรั้งเขาไว้แล้วบอกว่า ‘ไม่นะไม่! คุณยังไม่ได้ให้งานฉันเลย!’ ฉันบีบคั้นให้เขาให้บทนี้กับฉันค่ะ” ความจำเป็นในการถ่ายทอดธรรมชาติที่อารมณ์อ่อนไหวและคาดเดาไม่ได้ของซิสซีทำให้มุลลิแกนต้องผลักดันตัวเองมากขึ้นในฐานะนักแสดงหญิง แม้ว่านี่จะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เธอชื่นชอบบทนี้ [endtext]
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น