[postlink]https://aodnoommovieclub.blogspot.com/2010/08/3.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=W70Mx6iIKO0endofvid
[starttext]
องค์บาก3 (สหมงคลฟิล์ม)
กำหนดฉาย : 5 พฤษภาคม 2553
แนว : แอ็คชั่น โชว์ศิลปะการต่อสู้
นำแสดง : จา พนม ยีรัมย์, พริมรตา เดชอุดม, ศรัณยู วงษ์กระจ่าง, นิรุตติ์ ศิริจรรยา, เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง, ชุมพร เทพพิทักษ์
กำกับ : จา พนม ยีรัมย์
เรื่อง : จา พนม ยีรัมย์
บทภาพยนตร์ : จา พนม ยีรัมย์
ควบคุมฉากการต่อสู้ : พันนา ฤทธิไกร
"จากบทสรุปนำไปสู่จุดเริ่มต้น"
สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล
ภูมิใจเสนอ
"องค์บาก3"
"บทสรุปแห่งไตรภาคของตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ"
สู่ "ต้นกำเนิดขององค์เศียรพระหน้าบาก"
และ "ตำนานการต่อสู้ของบุรุษผู้เกิดมาเป็นตำนาน"
ภายใต้วังวนแห่งความทุกข์ กลับสู่ปฐมกรรม สงบนิ่ง ให้อภัย
เรียนรู้จิตสับประยุทธ์ ค้นพบสัจธรรม ก่อเกิดนาฏยุทธ์สุดลึกล้ำ
ที่สุดแห่งภาพยนตร์แอ็คชั่นภาคต่อที่คนทั้งโลกรอคอย
ที่สุดแห่งภาพยนตร์แอ็คชั่นศิลปะการต่อสู้ระดับโลกของไทย
ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด ประสบความสำเร็จมากที่สุด
ที่ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์
ทุ่มทุนสร้างสูงที่สุด
และนี่คือที่สุดแห่งผลงานภาพยนตร์แอ็คชั่นระดับมาสเตอร์พีซ
จากผลงานการแสดงนำและกำกับภาพยนตร์โดย โทนี่ จา พนม ยีรัมย์
เจ้าของสโลแกน ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน
เรื่องย่อ องค์บาก3
"แม้ร่างกายจะดับสลาย แต่หากดวงจิตยังเข้มแข็งไม่ดับสูญ หนทางแห่งชีวิตจักถือกำเนิดใหม่ขึ้นอีกครา เพียงหลอมรวมจิตศรัทธาอันมุ่งมั่น เรียนรู้จิตสับประยุทธ์ จงต่อสู้ด้านมืดในใจตน นำไปสู่การค้นพบ ก่อเกิด "นาฏยุทธ์" ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน"
หลังจากพ่ายแพ้แก่ ภูติสางกา (เดี่ยว ชูพงษ์) สูญเสียทั้ง 2 บิดา ออกญาสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) และ เชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) รวมทั้งบรรดาพี่น้องแห่งชุมโจรผาปีกครุฑ ทุกศาสตร์ยุทธ์ที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเทียน (จา พนม ยีรัมย์) ล้วนถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ต้องโทษฑัณฑ์ถูกทรมานพิการเจียนตาย เหลือเพียงแค่ลมหายใจอันรวยริน ฤาชีวิตทั้งมวลล้วนจบสิ้นลง ดั่งคำทำนาย เมื่อครั้งถือกำเนิด ยามใดจับต้องศาสตรา ชีวิตจักมืดมนต้องโทษทุกข์แสนสาหัส ท่ามกลางบ่วงกรรมที่ยังคงดำเนินเกี่ยวพันสืบเนื่องต่อไป บัดนี้ร่างที่ไร้ชีวิตของบุรุษนักสู้ผู้เป็นตำนานได้รับความช่วยเหลือถูกลำเลียงขนย้ายส่งต่อไปยังหมู่บ้านอโรคยา ที่ในอดีต เทียน และ พิม (จ๊ะจ๋า - พริมตา เดชอุดม) เคยใช้ชีวิตเติบโตเรียนรู้เรื่องสมุนไพรใบยาบ่มเพาะสมาธิ ซึมซับวิชาโขนนาฏศิลป์ โดยมีเหล่าผู้คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กผู้เฒ่าผู้แก่ หรือกระทั่งคนบ้าที่ไร้สติแต่ไม่เคยมีพิษภัยกับใครอย่าง ไอ้เหม็น (หม่ำ จ๊กมก) ก็ต่างมาร่วมกันหลอมจิต
ศรัทธารวมเป็นหนึ่งช่วยกันหล่อพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อส่งจิตระลึกให้เทียนฟื้นคืนสติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ขณะที่พิมเองได้นำเอาท่วงท่าการร่ายรำดัดตัวตามรูปแบบของนาฏศิลป์โขนโบราณ มาช่วยในการรักษาบำบัดร่างกายที่เสื่อมสลายโดยมีครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ที่ปัจจุบันกลายเป็นพระบัวเปิดทางให้เทียนได้เริ่มต้นเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกควบคุมร่างกาย กล่อมเกลาสภาวะจิตให้นิ่ง เรียนรู้และต่อสู้กับด้านมืดในใจ เพื่อบรรลุถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่หลับใหล หลอมหลวมเข้ากับ "พลังศรัทธาอันแรงกล้า" จากธาตุธรรมชาติทั้ง 4 "ดิน น้ำ ลม ไฟ" ผสมผสาน จนก่อเกิดการค้นพบ "นาฏยุทธ์" ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
ในขณะที่แผนการณ์ต่าง ๆ ของพระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ล้วนแต่บรรลุตามความประสงค์แทบทั้งสิ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็นจอมราชันย์ที่พร้อมสยบทุกสิ่ง และแน่นอนว่าเมื่อรวมเหล่านักฆ่ามากฝีมือ และบรรดาไพร่พลที่มีอยู่รายล้อมรอบตัวอันมากมายมหาศาลด้วยแล้ว ภายใต้ผืนนภา และเหนือพื้นพสุธาอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมไร้ซึ่งผู้กล้ารายใดที่คิดจะต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ "ภูติสางกา" ฑูตสังหารที่มาพร้อมกับ "ภูติยุทธ์" ศาสตร์การต่อสู้ที่ไร้รูปแบบและร่องรอย อยู่เคียงข้างและรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งล้วนสยบนิ่งอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว
และทันทีที่พระยาราชเสนารู้ว่าบัดนี้เทียนได้รับการชุบชีวิตจากชาวหมู่บ้านคณะโขนด้วยแล้ว คำสั่งเลือดและการระดมเหล่าทหารและขุมกำลังทั้งหมดถูกส่งไปเพื่อทำลายร้างและเข่นฆ่าผู้คนในหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยที่ตัวพิมเองถูกทหารจับตัวกลับไปยังพระราชวังเพื่อสำเร็จโทษอาญาคชฑัณฑ์ (ใส่ตะกร้อให้ช้างเตะ) ต่อหน้าหมู่ทาสและกลุ่มประชาชนทั้งหมด
ทำให้เทียนที่บัดนี้กำลังเรียนรู้และก้าวเข้าสู่วิถีสมาธิอันสงบนิ่ง ต้องยอมละตัวเองออกจากดวงจิตอันบริสุทธ์เพื่อเผชิญกับวิบากกรรมและขวากหนามที่เป็นอุปสรรคซึ่งถูกลิขิตไว้อย่างไม่จบสิ้น จากเหล่าอริราชแลศัตรูอันชั่วร้ายที่ยังคงหมายที่จะคร่าเอาชีวิตเทียน ไม่ว่าจะเป็น "ภูติสางกา" หรือ "พระยาราชเสนา" เอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่า "ความแค้นและพลังจากด้านมืดในจิตของ" ของเทียนเอง ก็พร้อมที่จะถาโถมเข้าครอบงำ ทำลายและทำร้ายเทียนตลอดเวลา ทางเดียวที่จะเอาชนะกรรมที่เริ่มก่อตัวขึ้น นั่นคือต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะควบคุมและเอาชนะจิตใจตนเองให้ได้
เตรียมพบกับการเผชิญหน้าและศึกการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต กับอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คนทั้งโลกรอคอยกับบทสรุปของ องค์บาก3 จุดกำเนิดขององค์บาก ตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ หลอมรวมพลังศรัทธาอันมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับสูญของบุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็นตำนาน
[endtext]
[starttext]
องค์บาก3 (สหมงคลฟิล์ม)
กำหนดฉาย : 5 พฤษภาคม 2553
แนว : แอ็คชั่น โชว์ศิลปะการต่อสู้
นำแสดง : จา พนม ยีรัมย์, พริมรตา เดชอุดม, ศรัณยู วงษ์กระจ่าง, นิรุตติ์ ศิริจรรยา, เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง, ชุมพร เทพพิทักษ์
กำกับ : จา พนม ยีรัมย์
เรื่อง : จา พนม ยีรัมย์
บทภาพยนตร์ : จา พนม ยีรัมย์
ควบคุมฉากการต่อสู้ : พันนา ฤทธิไกร
"จากบทสรุปนำไปสู่จุดเริ่มต้น"
สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล
ภูมิใจเสนอ
"องค์บาก3"
"บทสรุปแห่งไตรภาคของตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ"
สู่ "ต้นกำเนิดขององค์เศียรพระหน้าบาก"
และ "ตำนานการต่อสู้ของบุรุษผู้เกิดมาเป็นตำนาน"
ภายใต้วังวนแห่งความทุกข์ กลับสู่ปฐมกรรม สงบนิ่ง ให้อภัย
เรียนรู้จิตสับประยุทธ์ ค้นพบสัจธรรม ก่อเกิดนาฏยุทธ์สุดลึกล้ำ
ที่สุดแห่งภาพยนตร์แอ็คชั่นภาคต่อที่คนทั้งโลกรอคอย
ที่สุดแห่งภาพยนตร์แอ็คชั่นศิลปะการต่อสู้ระดับโลกของไทย
ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด ประสบความสำเร็จมากที่สุด
ที่ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์
ทุ่มทุนสร้างสูงที่สุด
และนี่คือที่สุดแห่งผลงานภาพยนตร์แอ็คชั่นระดับมาสเตอร์พีซ
จากผลงานการแสดงนำและกำกับภาพยนตร์โดย โทนี่ จา พนม ยีรัมย์
เจ้าของสโลแกน ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน
เรื่องย่อ องค์บาก3
"แม้ร่างกายจะดับสลาย แต่หากดวงจิตยังเข้มแข็งไม่ดับสูญ หนทางแห่งชีวิตจักถือกำเนิดใหม่ขึ้นอีกครา เพียงหลอมรวมจิตศรัทธาอันมุ่งมั่น เรียนรู้จิตสับประยุทธ์ จงต่อสู้ด้านมืดในใจตน นำไปสู่การค้นพบ ก่อเกิด "นาฏยุทธ์" ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน"
หลังจากพ่ายแพ้แก่ ภูติสางกา (เดี่ยว ชูพงษ์) สูญเสียทั้ง 2 บิดา ออกญาสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) และ เชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) รวมทั้งบรรดาพี่น้องแห่งชุมโจรผาปีกครุฑ ทุกศาสตร์ยุทธ์ที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเทียน (จา พนม ยีรัมย์) ล้วนถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ต้องโทษฑัณฑ์ถูกทรมานพิการเจียนตาย เหลือเพียงแค่ลมหายใจอันรวยริน ฤาชีวิตทั้งมวลล้วนจบสิ้นลง ดั่งคำทำนาย เมื่อครั้งถือกำเนิด ยามใดจับต้องศาสตรา ชีวิตจักมืดมนต้องโทษทุกข์แสนสาหัส ท่ามกลางบ่วงกรรมที่ยังคงดำเนินเกี่ยวพันสืบเนื่องต่อไป บัดนี้ร่างที่ไร้ชีวิตของบุรุษนักสู้ผู้เป็นตำนานได้รับความช่วยเหลือถูกลำเลียงขนย้ายส่งต่อไปยังหมู่บ้านอโรคยา ที่ในอดีต เทียน และ พิม (จ๊ะจ๋า - พริมตา เดชอุดม) เคยใช้ชีวิตเติบโตเรียนรู้เรื่องสมุนไพรใบยาบ่มเพาะสมาธิ ซึมซับวิชาโขนนาฏศิลป์ โดยมีเหล่าผู้คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กผู้เฒ่าผู้แก่ หรือกระทั่งคนบ้าที่ไร้สติแต่ไม่เคยมีพิษภัยกับใครอย่าง ไอ้เหม็น (หม่ำ จ๊กมก) ก็ต่างมาร่วมกันหลอมจิต
ศรัทธารวมเป็นหนึ่งช่วยกันหล่อพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อส่งจิตระลึกให้เทียนฟื้นคืนสติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ขณะที่พิมเองได้นำเอาท่วงท่าการร่ายรำดัดตัวตามรูปแบบของนาฏศิลป์โขนโบราณ มาช่วยในการรักษาบำบัดร่างกายที่เสื่อมสลายโดยมีครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ที่ปัจจุบันกลายเป็นพระบัวเปิดทางให้เทียนได้เริ่มต้นเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกควบคุมร่างกาย กล่อมเกลาสภาวะจิตให้นิ่ง เรียนรู้และต่อสู้กับด้านมืดในใจ เพื่อบรรลุถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่หลับใหล หลอมหลวมเข้ากับ "พลังศรัทธาอันแรงกล้า" จากธาตุธรรมชาติทั้ง 4 "ดิน น้ำ ลม ไฟ" ผสมผสาน จนก่อเกิดการค้นพบ "นาฏยุทธ์" ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
ในขณะที่แผนการณ์ต่าง ๆ ของพระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ล้วนแต่บรรลุตามความประสงค์แทบทั้งสิ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็นจอมราชันย์ที่พร้อมสยบทุกสิ่ง และแน่นอนว่าเมื่อรวมเหล่านักฆ่ามากฝีมือ และบรรดาไพร่พลที่มีอยู่รายล้อมรอบตัวอันมากมายมหาศาลด้วยแล้ว ภายใต้ผืนนภา และเหนือพื้นพสุธาอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมไร้ซึ่งผู้กล้ารายใดที่คิดจะต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ "ภูติสางกา" ฑูตสังหารที่มาพร้อมกับ "ภูติยุทธ์" ศาสตร์การต่อสู้ที่ไร้รูปแบบและร่องรอย อยู่เคียงข้างและรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งล้วนสยบนิ่งอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว
และทันทีที่พระยาราชเสนารู้ว่าบัดนี้เทียนได้รับการชุบชีวิตจากชาวหมู่บ้านคณะโขนด้วยแล้ว คำสั่งเลือดและการระดมเหล่าทหารและขุมกำลังทั้งหมดถูกส่งไปเพื่อทำลายร้างและเข่นฆ่าผู้คนในหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยที่ตัวพิมเองถูกทหารจับตัวกลับไปยังพระราชวังเพื่อสำเร็จโทษอาญาคชฑัณฑ์ (ใส่ตะกร้อให้ช้างเตะ) ต่อหน้าหมู่ทาสและกลุ่มประชาชนทั้งหมด
ทำให้เทียนที่บัดนี้กำลังเรียนรู้และก้าวเข้าสู่วิถีสมาธิอันสงบนิ่ง ต้องยอมละตัวเองออกจากดวงจิตอันบริสุทธ์เพื่อเผชิญกับวิบากกรรมและขวากหนามที่เป็นอุปสรรคซึ่งถูกลิขิตไว้อย่างไม่จบสิ้น จากเหล่าอริราชแลศัตรูอันชั่วร้ายที่ยังคงหมายที่จะคร่าเอาชีวิตเทียน ไม่ว่าจะเป็น "ภูติสางกา" หรือ "พระยาราชเสนา" เอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่า "ความแค้นและพลังจากด้านมืดในจิตของ" ของเทียนเอง ก็พร้อมที่จะถาโถมเข้าครอบงำ ทำลายและทำร้ายเทียนตลอดเวลา ทางเดียวที่จะเอาชนะกรรมที่เริ่มก่อตัวขึ้น นั่นคือต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะควบคุมและเอาชนะจิตใจตนเองให้ได้
เตรียมพบกับการเผชิญหน้าและศึกการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต กับอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คนทั้งโลกรอคอยกับบทสรุปของ องค์บาก3 จุดกำเนิดขององค์บาก ตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ หลอมรวมพลังศรัทธาอันมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับสูญของบุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็นตำนาน
[endtext]
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น