Legend Of The Fist The Return Of Chen Zhen เฉินเจิน หน้ากากฮีโร่

[postlink]http://aodnoommovieclub.blogspot.com/2011/01/legend-of-fist-return-of-chen-zhen.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=xQ3wLmU1cOYendofvid
[starttext]



Legend of the Fist : The Return of Chen Zhen เฉินเจิน หน้ากากฮีโร่



วันที่เข้าฉาย2010-09-23

แนวหนังแอ๊คชั่น

ผู้กำกับแอนดรูว์ เลา

นักแสดงดอนนี่ เยน , ซูฉี , หวงซิวเสิ่น



ตำนานของ เฉินเจิ้น วีรบุรุษของชาวจีน เคยถูกเล่าขานมาแล้วบนโลกภาพยนตร์ นำแสดงโดยแอ็คชั่นสตาร์ระดับตำนาน บรู๊ซ ลี ที่ชื่อ Fist of Fury ในปี 1972 ในที่สุดภาคต่อของ เฉินเจิ้น ก็ถือกำเนิดขึ้นด้วยฝีมือของ ดอนนี่ เยน แอ็คชั่นสตาร์อันดับหนึ่งคนปัจจุบัน



เมื่อประเทศจีนได้รับความกดดันจากสงครามโลกในช่วงทศวรรษที่ 1920s ญี่ปุ่นกลายเป็นมหาอำนาจที่ยึดครองทุกประเทศในภูมิภาคเอเชีย และเมืองเซี่ยงไฮ้ทางตอนเหนือก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้ว่าตัวเมืองจะถูกแบ่งเขตปกครองโดยชาวต่างชาติ แต่ไนต์คลับชื่อดังอย่าง คาซาบลังก้า ก็ยังเป็นสวรรค์ของทุกคน โดยทุกคืนหลังจากดวงอาทิตย์ลับฟ้า คนทุกชนชาติก็จะมารวมตัวกันที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าชาวจีนที่ร่ำรวย นายทหารอังกฤษ แม่ทัพญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งสายลับที่กำลังหาทางกู้ชาติของตัวเองกลับคืนมา



ทุกคนต่างมาที่ คาซาบลังก้า ด้วยเหตุผลบางอย่าง นั้นรวมถึง คู นักธุรกิจหนุ่มลึกลับซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เฉินเจิ้น ฮีโร่ของชาวจีน ที่ปลอมตัวเข้ามาอยู่ในสังคมชั้นสูง เขาคือคนที่จัดการกองทัพญี่ปุ่นด้วยตัวคนเดียว หลังจากครูมวยของเขาถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมในห้องฝึกมวยของกองทัพญี่ปุ่น โดยมีข่าวลือว่าหลังจากล้างแค้นให้อาจารย์แล้ว เฉินเจิ้น ก็ถูกทหารญี่ปุ่นยิงเสียชีวิต แต่กลับกลายเป็นว่าเขาหลบหนีไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและต่อสู้เคียงข้างกับชาวจีน เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังฝ่ายอักษะยึดครองยุโรป



เฉินเจิ้น ปลอมตัวเป็นนักสู้หน้ากากดำตอนกลางคืน โดยเขาพยายามกำจัดกองทัพญี่ปุ่นให้สิ้นซาก ด้วยการรวบรวมกองกำลังต่อต้านเพื่อปลดปล่อยชาวจีนให้เป็นอิสรภาพ ในขณะเดียวกัน เฉินเจิ้น ก็ต้องมนต์สเน่ห์ของนักร้องประจำไนต์คลับที่ชื่อ กีกี้ (ซูฉี) ซึ่งมีความลับอันตรายแอบซ่อนอยู่เช่นกัน และเมื่อเขารู้ว่านายพลของกองทัพญี่ปุ่นประจำเซี่ยงไฮ้เป็นบุตรชายของ “ยูโด มาสเตอร์” ที่ เฉินเจิ้น สังหารตอนที่ล้างแค้นให้กับอาจารย์ ทั้งสองจึงต้องเผชิญหน้ากันด้วยเกียรติของชาติและความแค้นส่วนตัว ซึ่งจะนำไปสู่การต่อสู้ครั้งสุดท้าย



Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen ภาพยนตร์ทุนสร้าง 600 ล้านบาท กำกับโดย แอนดรูว์ เลา ผู้กำกับจากมหากาพย์ไตรภาค “2 คน 2 คม” (Infernal Affairs) นำแสดงโดย ดอนนี่ เยน ซึ่งควบตำแหน่งเป็นผู้ออกแบบคิวบู๊ , ซูฉี ซุปเปอร์สตาร์ชาวไต้หวันที่มีเคยผลงานอย่าง 3 พยัคฆ์สาวมหาประลัย (So Close) และ ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า (The Storm Riders) และ แอนโธนี่ หว่อง จากไตรภาค 2 คน 2 คม หนังอำนวยการสร้าง/เขียนบทโดย กอร์ดอน ชาน ซึ่งกำกับ Fist of Legend “ไอ้หนุ่มซินตึ้งหัวใจผงาดโลก” ที่ เจ็ท ลี เคยสร้างชื่อจากการรับบทเป็น เฉินเจิ้น



เกร็ดภาพยนตร์



• ตำนาน ของวีรบุรุษของชาวจีน เฉินเจิน เคยถูกเล่าขานมาแล้วถึง 2 ครั้งบนโลกภาพยนตร์ คือ Fist of Fury ปี 1972 นำแสดงโดยแอ็คชั่นสตาร์ในตำนาน บรู๊ซ ลี และ Fist of Legend ปี 1994 นำแสดงโดยแอ็คชั่นสตาร์รุ่นต่อมาอย่าง เจ็ท ลี โดยครั้งล่าสุดถือเป็นการกลับมาภายใต้ผู้สืบทอดที่เหมาะสมที่สุดอย่าง ดอนนี่ เยน ซึ่งได้ควบทั้งการรับบทเป็น เฉินเจิน และผู้ออกแบบการต่อสู้อีกด้วย



• ดอนนี่ เยน ถือว่าเป็นแอ็คชั่นสตาร์ที่กำลังมาแรงที่สุด โดยเฉพาะในปี 2010 เขามีหนังที่ตัวเองรับบทนำถึง 4 เรื่อง โดย The Legend of Chen Zhen ถือเป็นภาพยนตร์ส่งท้ายปี เขาเล่าถึงการเข้ามารับบทเป็นตำนานคนนี้ว่า “ผมต้องการแสดงเป็นตัวละครนี้เพื่อบูชาฮีโร่วัยเด็กของผม บรู๊ซ ลี ผมพยายามจับเอาพลังงานและเดินตามรอยเท้าของเขา ในขณะเดียวกันผมก็พยายามใส่เอกลักษณ์เฉพาะตัวของผมลงไปในหนัง ทั้งภาพลักษณ์ภายนอกและสไตล์การต่อสู้ เมื่อคุณได้ดูหนังแล้วจะรู้ได้เลยว่า นี่คือ เฉินเจิน ที่ถูกตีความขึ้นมาใหม่และมีความสดใหม่มากกว่าเดิม”



• ผู้กำกับ แอนดรูว์ เลา ถือเป็นผู้กำกับฮ่องกงที่ได้รับการยอมรับที่สุดคนหนึ่ง โดยเขาฝากผลงานอันลือลั่นอย่าง “ไตรภาค 2 คน 2 คม” ซึ่งถือเป็นสุดยอดแห่งหนังอาชญากรรมในทศวรรษที่ผ่านมา โดยเขาพูดถึงการตีความ เฉินเจิน ในรูปแบบของตัวเองว่า “ผมคิดว่า เฉินเจิน ก็เปรียบเสมือนซุปเปอร์ฮีโร่ของชาวจีน ที่ไม่เพียงแต่มีความสามารถทางการต่อสู้แล้ว เขายังใช้มันเพื่อช่วยทุกคนในเมือง ถูกถ่ายทอดด้วยสไตล์กังฟูของ ดอนนี่ เยน ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นการสไตล์ที่แตกต่างจากเรื่องอื่นที่เขาแสดง ในขณะเดียวกันผมก็พยายามที่จะหาความสมดุลระหว่างฉากแอ็คชั่นและเนื้อหา เพื่อทำให้มันยังคงยืนอยู่บนพื้นฐานของความสมจริง”



————————————————————————–



ใครคือ เฉินเจิ้น



เฉินเจิ้น



เฉินเจิ้น คือวีรบุรุษชาวจีนที่มีชีวิตจริง เขาเป็นศิษย์เอกของตำนานครูมวยชื่อดัง ฮั่วหยวนเจี่ย (ที่รับบทโดย เจ็ท ลี ใน Fearless) เฉินเจิ้น สร้างชื่อที่เมืองเซี่ยงไฮ้ในช่วงทศวรรษที่ 20 เมื่อเขาตัดสินใจลุกขึ้นต่อสู้กับการยึดครองของกองทัพญี่ปุ่น โดยภาพยนตร์เวอร์ชั่นล่าสุดนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขารอด ชีวิตจากการลอบสังหาร เจ็ดปีต่อมาเขากลับมายังเซี่ยงไฮ้ โดยปลอมตัวเป็นนักธุรกิจหนุ่มในตอนกลางวัน และนักสู้หน้ากากดำในตอนกลางคืน โดยมีเป้าหมายเดียวของเขาก็คือการถอนรากถอนโคนกองทัพญี่ปุ่นให้สิ้นซาก



ประวัติชีวิตของ เฉินเจิ้น ถูกเล่าภาพยนตร์และซีรี่ย์หลายต่อหลายครั้ง โดยครั้งสำคัญก็เห็นจะเป็นการได้แอ็คชั่นสตาร์ในตำนาน บรู๊ซ ลี เข้ามาแสดงในเรื่อง Fist of Fury ปี 1972 ก่อนที่ในปี 1994 ก็ได้ เจ็ท ลี เข้ามารับบทเป็น เฉินเจิ้น ในเรื่อง Fist of Legend จนในที่สุดก็มาถึงตาของ ดอนนี่ เยน



ดอนนี่ เยน เคยรับบทเป็น เฉินเจิ้น มาแล้วในละครโทรทัศน์ ปี 1995 ที่ถือเป็นผลงานแจ้งเกิดและทำให้ผู้คนรู้จักเขาในฐานะแอ็คชั่นสตาร์รุ่นใหม่ โดยมันถูกฉายทั้งใน จีน , ไต้หวัน , สิงค์โปร์ , ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศไทย จนในที่สุดอีก 15 ปีต่อมากับครั้งล่าสุดใน Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen ดอนนี่ เยน ก็กลับมาสานต่อตำนานของ เฉินเจิ้น วีรบุรุษของชาวจีนอีกครั้ง



แอนดรูว์ เลา ผู้กำกับมหากาพย์ไตรภาค “2 คน 2 คม” เล่าถึงตัวละครนี้ว่า “เฉินเจิ้น เปรียบเสมือนซุปเปอร์ฮีโร่ของชาวจีน ที่ไม่เพียงแต่มีความสามารถทางการต่อสู้แล้ว เขายังใช้มันเพื่อช่วยทุกคนในเมือง ถูกถ่ายทอดด้วยสไตล์กังฟูของ ดอนนี่ เยน ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นการสไตล์ที่แตกต่างจากเรื่องอื่นที่เขาแสดง ในขณะเดียวกันผมก็พยายามที่จะหาความสมดุลระหว่างฉากแอ็คชั่นและเนื้อหา เพื่อทำให้มันยังคงยืนอยู่บนพื้นฐานของความสมจริง”



ดอนนี่ เยน อธิบายถึงบทบาทของเขาใน Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen ในแนวทางของตัวเองว่า “ผมต้องการแสดงเป็นตัวละครนี้เพื่อบูชาฮีโร่วัยเด็กอย่าง บรู๊ซ ลี ผมพยายามจับเอาพลังงานและเดินตามรอยเท้าของเขา ในขณะเดียวกันผมก็พยายามใส่เอกลักษณ์เฉพาะตัวของผมลงไปในหนัง ทั้งภาพลักษณ์ภายนอกและสไตล์การต่อสู้ เมื่อคุณได้ดูหนังแล้วจะรู้ได้เลยว่า นี่คือ เฉินเจิน ที่ถูกตีความขึ้นมาใหม่และมีความสดใหม่มากกว่าเดิม”






[endtext]

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น