[postlink]http://aodnoommovieclub.blogspot.com/2011/01/detective-dee-and-mystery-of-phantom.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=EqpUeJ3rbXcendofvid
[starttext]
เกร็ดภาพยนตร์
• Detective Dee คือภาพยนตร์ที่ ฉีเคอะ รับประกันว่าจะเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากที่หายหน้าหายตาไปถึง 5 ปี โดยเขาถือเป็นผู้กำกับที่ทำหนังจีนคลาสสิกมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น เดชคัมภีร์เทวดา ทั้งสามภาค, โปเยโปโลเย ทั้งสามภาค และรวมถึง หวงเฟยหง ทั้งหกภาค โดยเขาพูดถึงการหยิบเอาเรื่องของ ตี๋เหริ่นเจี๋ย มาสร้างเป็นหนังว่า “ถึงแม้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับตัว ตี๋เหริ่นเจี๋ย จะแตกต่างกัน แต่ผมเชื่อว่ายุคสมัยของราชวังถังมีอะไรที่น่าค้นหา และ ตี๋เหรินเจี๋ย ก็เป็นตัวละครดำเนินเรื่องที่สมบูรณ์แบบ ผมเป็นคนที่ชื่นชอบหนังกำลังภายใน และการได้กลับมาสร้างอีกครั้งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ครั้งนี้ผมยังได้เพิ่มความเข้มข้นของเนื้อหา และปมลึกลับแบบฉบับของหนังสืบสวนสอบสวนเข้าไปอีกด้วย”
• ตี๋เหริ่นเจี๋ย (Di Renjie) เป็นนักสืบที่มีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์ของจีน มีอายุระหว่าง ค.ศ. 630 – ค.ศ. 700 เขาเป็นอัครมหาเสนาบดีคู่บัลลังก์ บูเช็กเทียน จักรพรรดินีองค์แรกและองค์เดียวของจีน โดยเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นคนซื่อสัตย์ ยุติธรรม กล้าหาญ และเป็นคนที่ บูเช็กเทียน ให้ความเคารพอย่างสูง ชีวิตของเขาถูกเขียนเป็นนิยายสืบสวนสอบสวนชื่อ “ตี๋เหริ่นเจี๋ย นักสืบคู่บัลลังก์” ที่เขียนโดย เฉียนเยี่ยนชิว โดยมีความยาวทั้งสิ้น 4 เล่มจบ (ฉบับแปลเล่ม 1 เป็นของสำนักพิมพ์มติชน แปลโดย เรืองชัย รักศรีอักษร)
• หลิวเต๋อหัว ซุปเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของวงการหนังจีน เข้ามารับบทเป็นฮีโร่คนสำคัญในประวัติศาสตร์จีน โดยพูดถึงตัวละครนี้ว่า “ตี๋เหริ่นเจี๋ย เป็นคนมีความสามารถหลายด้าน เขามีความรู้ด้านจิตวิทยาและอาชญาวิทยาที่ล้ำหน้าเกินยุค เขาจะรู้ได้ทันทีจากอากัปกริยาของผู้ต้องสงสัย จากการหายใจ น้ำเสียง ว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ ในขณะเดียวกันเขาก็ยังได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาด้วย โดยสไตล์การต่อสู้ของ ตี๋เหริ่นเจี๋ย มีพื้นฐานมาจากการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง และสร้างความบาดเจ็บให้กับคู่ต่อสู้เมื่อได้รับการโจมตี ผมคิดว่าเขาเป็นนักสืบที่มีส่วนผสมระหว่าง เชอร์ล็อค โฮมส์ และ เจมส์ บอนด์ ”
[endtext]
[starttext]
เกร็ดภาพยนตร์
• Detective Dee คือภาพยนตร์ที่ ฉีเคอะ รับประกันว่าจะเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากที่หายหน้าหายตาไปถึง 5 ปี โดยเขาถือเป็นผู้กำกับที่ทำหนังจีนคลาสสิกมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น เดชคัมภีร์เทวดา ทั้งสามภาค, โปเยโปโลเย ทั้งสามภาค และรวมถึง หวงเฟยหง ทั้งหกภาค โดยเขาพูดถึงการหยิบเอาเรื่องของ ตี๋เหริ่นเจี๋ย มาสร้างเป็นหนังว่า “ถึงแม้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับตัว ตี๋เหริ่นเจี๋ย จะแตกต่างกัน แต่ผมเชื่อว่ายุคสมัยของราชวังถังมีอะไรที่น่าค้นหา และ ตี๋เหรินเจี๋ย ก็เป็นตัวละครดำเนินเรื่องที่สมบูรณ์แบบ ผมเป็นคนที่ชื่นชอบหนังกำลังภายใน และการได้กลับมาสร้างอีกครั้งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ครั้งนี้ผมยังได้เพิ่มความเข้มข้นของเนื้อหา และปมลึกลับแบบฉบับของหนังสืบสวนสอบสวนเข้าไปอีกด้วย”
• ตี๋เหริ่นเจี๋ย (Di Renjie) เป็นนักสืบที่มีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์ของจีน มีอายุระหว่าง ค.ศ. 630 – ค.ศ. 700 เขาเป็นอัครมหาเสนาบดีคู่บัลลังก์ บูเช็กเทียน จักรพรรดินีองค์แรกและองค์เดียวของจีน โดยเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นคนซื่อสัตย์ ยุติธรรม กล้าหาญ และเป็นคนที่ บูเช็กเทียน ให้ความเคารพอย่างสูง ชีวิตของเขาถูกเขียนเป็นนิยายสืบสวนสอบสวนชื่อ “ตี๋เหริ่นเจี๋ย นักสืบคู่บัลลังก์” ที่เขียนโดย เฉียนเยี่ยนชิว โดยมีความยาวทั้งสิ้น 4 เล่มจบ (ฉบับแปลเล่ม 1 เป็นของสำนักพิมพ์มติชน แปลโดย เรืองชัย รักศรีอักษร)
• หลิวเต๋อหัว ซุปเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของวงการหนังจีน เข้ามารับบทเป็นฮีโร่คนสำคัญในประวัติศาสตร์จีน โดยพูดถึงตัวละครนี้ว่า “ตี๋เหริ่นเจี๋ย เป็นคนมีความสามารถหลายด้าน เขามีความรู้ด้านจิตวิทยาและอาชญาวิทยาที่ล้ำหน้าเกินยุค เขาจะรู้ได้ทันทีจากอากัปกริยาของผู้ต้องสงสัย จากการหายใจ น้ำเสียง ว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ ในขณะเดียวกันเขาก็ยังได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาด้วย โดยสไตล์การต่อสู้ของ ตี๋เหริ่นเจี๋ย มีพื้นฐานมาจากการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง และสร้างความบาดเจ็บให้กับคู่ต่อสู้เมื่อได้รับการโจมตี ผมคิดว่าเขาเป็นนักสืบที่มีส่วนผสมระหว่าง เชอร์ล็อค โฮมส์ และ เจมส์ บอนด์ ”
[endtext]
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น