[postlink]http://aodnoommovieclub.blogspot.com/2010/12/get-him-to-greek.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=N6ixkr0-qvoendofvid
[starttext]
Get Him to the Greek (2010)
ดูเหมือนว่ายอดชายนาย Russell Brand จะสวมบทร็อคสตาร์สุดมั่นใน Forgetting Sarah Marshall (200 ได้อย่างโดดเด้ง จนเล่นเอาบรรดาคอหนังพากันติดใจ ทาง ผกก.Nicholas Stoller เลยปิ๊งไอเดียกระฉูดสร้างหนังสปินออฟให้เขาและตัวละครสุดแนวตัวนี้ขึ้นมา เป็นตัวนำบ้างซะเลย โดยได้นักแสดงหนุ่มตุ้ยมาแรงอย่าง Jonah Hill (Superbad [2007]) มาเป็นลูกคู่ ซึ่งพอหนังออกฉายก็ประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้และคำวิจารณ์พอสมควรเลยที เดียว
คู่หูคู่ฮาประจำเรื่อง
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ Aaron Green (Hill) แมวมองร่างตุ้ยของบริษัทแผ่นเสียงจาก แอลเอ ต้องถูกส่งไปลอนดอนเพื่อรับตัว Aldous Snow (Brand) ร็อคสตาร์ชื่อดังจากเกาะอังกฤษแห่งวง Infant Sorrow ให้มาเล่นคอนเสิรต์ใหญ่ที่แอลเอ ซึ่งทางต้นสังกัดหวังว่าคอนเสริต์ครั้งนี้จะกอบกู้สภาวะฝืดเคืองของ ทางบริษัทแผ่นเสียงได้ ส่วน Green เองก็หวังว่ามันจะสามารถปลุกชีพ Snow ที่เขาชื่นชอบให้กลับมาฮ็อตฮิตอีกครั้งได้ด้วย แต่แน่นอนว่าอะไรมันคงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเมื่อ Snow พาเขาให้เข้าสู่โลกของ Sex , Drug & Rock n Roll เลยได้ปาร์ตี้จนเมาปลิ้นหัวทิ่มหัวตำ อ้วกกระฉูด แถมยังลากเขาแวะไปผจญภัยที่โน่นที่นี่ซะจนงานนี้คงต้องลุ้นกันแฮ่กซะแล้ว ว่าทั้งคู่จะกลับไปทันเล่นคอนเสิร์ตครั้งสำคัญนี้ได้หรือไม่หนอ?
ใครๆ ก็ต้องกรี๊ดแต๋วแตกเมื่อเจอร็อคสตาร์สุดเท่ขวัญใจของพวกเขา
หนังเริ่มต้นมาได้อย่างน่าสนใจด้วยการทำเป็นภาพข่าวจากรายการทีวีต่างๆ ถึงความล้มเหลวของอัลบั้มล่าสุดของ Snow ที่เพิ่งออกมา (แถมเขายังโดนเมียที่อยู่กินกันมาหลายปีทิ้งไปคบกับมือกลองวง Metallica อีกต่างหาก) หนัง ใช้ประโยชน์จากการเชิญบรรดาคนบันเทิงดังๆ ทั้งนักร้อง นักแสดง นักข่าว ให้โผล่มาร่วมแจมกันคนละนิดละหน่อย ซึ่งก็ช่วยสร้างสีสันให้กับหนังขึ้นมาเยอะทีเดียว ในขณะที่นักแสดงนำทั้งคู่ก็เล่นเข้าขากันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะนาย Brand ที่ยังวาดลวดลายได้ใจเช่นเดิม เมื่อรวมทั้งอารมณ์ขันกวนๆ แบบติดเรทเข้าไปอีก เลยเป็นหนังตลกที่ใช้ได้เลยทีเดียวเชียว
นักแสดงและคนดังคุ้นหน้าโผล่กันมาเพียบ
แต่ น่าเสียดายที่หนังยิ่งฉายไปก็ดูเหมือนยิ่งหมดเรื่องจะเล่าขึ้นทุกที การผจญภัยของทั้งคู่ก็หนักไปทางปาร์ตี้เมาหัวทิ่มซะมากกว่าอย่างอื่น(โดย เฉพาะการที่พากันไปเมาที่ลาสเวกัสก็ชวนให้นึกถึง The Hangover (2009)ชอบ กล) และการที่มีแต่มุกเกี่ยวกับอ้วกแตก , การเมาเหล้ายา , ทวารหนัก , การมีเซ็กซ์หมู่แบบเราสองสามคน มันก็ดูไม่ค่อยตลกนักหรอกสำหรับหลายๆ คน(แต่ก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคนด้วยเนอะ) นี่ถ้าไม่ได้ตัวละครนำที่มีเสน่ห์ และการได้เห็นคนดังๆ มาร่วมแจมเยอะๆ แบบนี้ด้วยล่ะก็ หนังคงจะฝืดขึ้นเยอะทีเดียวเชียว
ตาเหลือกกันเชียวนะหนุ่มๆ
ถึง จะเป็นหนังตลกมุกห่ามติดเรท แต่ก็ยังอุตส่าห์มีข้อคิดสาระให้อีกด้วย เช่นที่ว่าถึงเราจะมีชื่อเสียง เงินทอง ลาภยศสรรเสริญ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมีความสุขในชีวิตเสมอไป ดังเช่นตัวของ Snow เองที่ไม่ขาดสิ่งที่เอ่ยมาข้างต้นเลย แถมไปไหนก็มีแต่คนนิยมชมชอบ(โดยเฉพาะสาวๆ) แต่ที่สุดแล้วเขากลับรู้สึกโดดเดี่ยว ว่างเปล่า ไร้สันติสุข ซึ่งก็นะถึงจะบอกว่านี่เป็นแค่ในหนังแต่ก็ต้องยอมรับว่าในชีวิตจริงๆ แล้ว เราก็มักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับเหล่าคนดังที่เซ็งชีวิตจนฆ่าตัวตายกันอยู่ บ่อยๆ มิใช่เหรอ?
* น่า ดูเพราะ: ใครที่ติดใจร็อคเกอร์สุดเซอร์คนนี้จาก Forgetting Sarah Marshall คงจะถูกใจกัน แถมหนังมีคนดังโผล่มารับเชิญกันเพียบ ดูเพลินดีจริง
[endtext]
[starttext]
Get Him to the Greek (2010)
ดูเหมือนว่ายอดชายนาย Russell Brand จะสวมบทร็อคสตาร์สุดมั่นใน Forgetting Sarah Marshall (200 ได้อย่างโดดเด้ง จนเล่นเอาบรรดาคอหนังพากันติดใจ ทาง ผกก.Nicholas Stoller เลยปิ๊งไอเดียกระฉูดสร้างหนังสปินออฟให้เขาและตัวละครสุดแนวตัวนี้ขึ้นมา เป็นตัวนำบ้างซะเลย โดยได้นักแสดงหนุ่มตุ้ยมาแรงอย่าง Jonah Hill (Superbad [2007]) มาเป็นลูกคู่ ซึ่งพอหนังออกฉายก็ประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้และคำวิจารณ์พอสมควรเลยที เดียว
คู่หูคู่ฮาประจำเรื่อง
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ Aaron Green (Hill) แมวมองร่างตุ้ยของบริษัทแผ่นเสียงจาก แอลเอ ต้องถูกส่งไปลอนดอนเพื่อรับตัว Aldous Snow (Brand) ร็อคสตาร์ชื่อดังจากเกาะอังกฤษแห่งวง Infant Sorrow ให้มาเล่นคอนเสิรต์ใหญ่ที่แอลเอ ซึ่งทางต้นสังกัดหวังว่าคอนเสริต์ครั้งนี้จะกอบกู้สภาวะฝืดเคืองของ ทางบริษัทแผ่นเสียงได้ ส่วน Green เองก็หวังว่ามันจะสามารถปลุกชีพ Snow ที่เขาชื่นชอบให้กลับมาฮ็อตฮิตอีกครั้งได้ด้วย แต่แน่นอนว่าอะไรมันคงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเมื่อ Snow พาเขาให้เข้าสู่โลกของ Sex , Drug & Rock n Roll เลยได้ปาร์ตี้จนเมาปลิ้นหัวทิ่มหัวตำ อ้วกกระฉูด แถมยังลากเขาแวะไปผจญภัยที่โน่นที่นี่ซะจนงานนี้คงต้องลุ้นกันแฮ่กซะแล้ว ว่าทั้งคู่จะกลับไปทันเล่นคอนเสิร์ตครั้งสำคัญนี้ได้หรือไม่หนอ?
ใครๆ ก็ต้องกรี๊ดแต๋วแตกเมื่อเจอร็อคสตาร์สุดเท่ขวัญใจของพวกเขา
หนังเริ่มต้นมาได้อย่างน่าสนใจด้วยการทำเป็นภาพข่าวจากรายการทีวีต่างๆ ถึงความล้มเหลวของอัลบั้มล่าสุดของ Snow ที่เพิ่งออกมา (แถมเขายังโดนเมียที่อยู่กินกันมาหลายปีทิ้งไปคบกับมือกลองวง Metallica อีกต่างหาก) หนัง ใช้ประโยชน์จากการเชิญบรรดาคนบันเทิงดังๆ ทั้งนักร้อง นักแสดง นักข่าว ให้โผล่มาร่วมแจมกันคนละนิดละหน่อย ซึ่งก็ช่วยสร้างสีสันให้กับหนังขึ้นมาเยอะทีเดียว ในขณะที่นักแสดงนำทั้งคู่ก็เล่นเข้าขากันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะนาย Brand ที่ยังวาดลวดลายได้ใจเช่นเดิม เมื่อรวมทั้งอารมณ์ขันกวนๆ แบบติดเรทเข้าไปอีก เลยเป็นหนังตลกที่ใช้ได้เลยทีเดียวเชียว
นักแสดงและคนดังคุ้นหน้าโผล่กันมาเพียบ
แต่ น่าเสียดายที่หนังยิ่งฉายไปก็ดูเหมือนยิ่งหมดเรื่องจะเล่าขึ้นทุกที การผจญภัยของทั้งคู่ก็หนักไปทางปาร์ตี้เมาหัวทิ่มซะมากกว่าอย่างอื่น(โดย เฉพาะการที่พากันไปเมาที่ลาสเวกัสก็ชวนให้นึกถึง The Hangover (2009)ชอบ กล) และการที่มีแต่มุกเกี่ยวกับอ้วกแตก , การเมาเหล้ายา , ทวารหนัก , การมีเซ็กซ์หมู่แบบเราสองสามคน มันก็ดูไม่ค่อยตลกนักหรอกสำหรับหลายๆ คน(แต่ก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคนด้วยเนอะ) นี่ถ้าไม่ได้ตัวละครนำที่มีเสน่ห์ และการได้เห็นคนดังๆ มาร่วมแจมเยอะๆ แบบนี้ด้วยล่ะก็ หนังคงจะฝืดขึ้นเยอะทีเดียวเชียว
ตาเหลือกกันเชียวนะหนุ่มๆ
ถึง จะเป็นหนังตลกมุกห่ามติดเรท แต่ก็ยังอุตส่าห์มีข้อคิดสาระให้อีกด้วย เช่นที่ว่าถึงเราจะมีชื่อเสียง เงินทอง ลาภยศสรรเสริญ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมีความสุขในชีวิตเสมอไป ดังเช่นตัวของ Snow เองที่ไม่ขาดสิ่งที่เอ่ยมาข้างต้นเลย แถมไปไหนก็มีแต่คนนิยมชมชอบ(โดยเฉพาะสาวๆ) แต่ที่สุดแล้วเขากลับรู้สึกโดดเดี่ยว ว่างเปล่า ไร้สันติสุข ซึ่งก็นะถึงจะบอกว่านี่เป็นแค่ในหนังแต่ก็ต้องยอมรับว่าในชีวิตจริงๆ แล้ว เราก็มักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับเหล่าคนดังที่เซ็งชีวิตจนฆ่าตัวตายกันอยู่ บ่อยๆ มิใช่เหรอ?
* น่า ดูเพราะ: ใครที่ติดใจร็อคเกอร์สุดเซอร์คนนี้จาก Forgetting Sarah Marshall คงจะถูกใจกัน แถมหนังมีคนดังโผล่มารับเชิญกันเพียบ ดูเพลินดีจริง
[endtext]
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น