0
[postlink]https://aodnoommovieclub.blogspot.com/2010/06/when-in-rome.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=4G0J6GC4Pboendofvid
[starttext]




ชื่ออังกฤษ When in Rome
ชื่อไทย อธิฐานวุ่นลุ้นรัก ณ กรุงโรม
ประเภทหนัง Romantic/Comedy
ผู้กำกับ Mark Steven Johnson
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 18 March 2010
ความยาวหนัง -
นักแสดง Kristen Bell, Josh Duhamel, Will Arnett, Jon Heder, Dax Shepard, Danny DeVito, Anjelica Huston
เรทภาพยนตร์ - ไทย
(ดูรายละเอียด) ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป
เรทภาพยนตร์ - สากล PG 13 (parents strongly cautioned)
สถานที่ถ่ายทำ -
ภาษา -
เว็บไซต์ -


อธิฐานวุ่นลุ้นรัก ณ กรุงโรม | เรื่องย่อ


เบ็ท (คริสเต็น เบลล์) เป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์สาวผู้ประสบความสำเร็จ แต่ไร้โชคในด้านความรัก เบ็ท เดินทางไปกรุงโรม อิตาลี เพื่อร่วมงานแต่งงานของน้องสาว เบ็ท แอบขโมยเหรียญ จากน้ำพุแห่งความรัก ทำให้กองทัพหนุ่มๆก็ดาหน้ามาจีบเธออย่างไม่ลดละ รวมถึงหนุ่มนักข่าวมากสเน่ห์อย่าง นิค (จอร์จ ดูฮาเมล) ที่ทำให้เธอหวั่นใจมากที่สุด แต่ เบ็ท จะรู้ได้อย่างไรว่าความรักที่ นิค มีต่อเธอเป็นของจริง ไม่ใช่่เพราะเหรียญ...





ไร้โชคในด้านความรัก

[endtext]

When in Rome อธิฐานวุ่นลุ้นรัก ณ กรุงโรม

0
[postlink]https://aodnoommovieclub.blogspot.com/2010/06/pacific.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=e99B80crU3Eendofvid
[starttext]




The Pacific สุดยอดมินิซีรีย์ 10 ตอน จาก HBO อำนวยการสร้างโดย ทอม แฮงค์ส สตีเว่น สปีลเบิร์ก



และแกรีย์ โกเอ็ทซ์แมน ใครที่เคยเป็นแฟนของ Band of Brothers พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง











THE PACIFIC คือ มินิซีรี่ส์ต้นทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ HBO ด้วยโปรดักชันมูลค่ากว่า 200 ล้านเหรียญ สร้างจากเรื่องจริงของหน่วยนาวิกโยธินในสมรภูมิแปซิฟิกในช่วงสงครามโลกครั้ง ที่สองผลงานล่าสุดของ ทอม แฮงค์ส , สตีเว่น สปีล เบิร์ก และแกรีย์ โกเอ็ทซ์แมน ทีมงานหัวกระทิที่อยู่เบื้องหลัง Band of Brothers มินิซีรี่ส์รางวัล Emmy และ Golden Globe ของ HBO นอกจากนี้ทอม แฮงค์สและเกิตซ์แมนยังเคยร่วมกันอำนวยการสร้างมินิซีรี่ส์ของ HBO เรื่อง John Adams ซึ่งรับรางวัล Emmys มากเป็นประวัติการณ์ถึง 13 รางวัลในปี 2008 ทั้งสามได้มารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อทำหน้าที่อำนวยการสร้างผลงานชิ้นประวัติ ศาสตร์











THE PACIFIC บอกเล่าเรื่องราวอย่างกล้าหาญและสมจริง จาก การต่อสู้ของนาวิกโยธินสหรัฐฯ สามนาย ที่เกี่ยวโยงประสานกัน ได้แก่ โรเบิร์ต เลคกี (เจมส์ แบดจ์ เดล) ยูยีน สเล็ดจ์ (โจ มัซเซลโล) และจอห์น บาซิโลน (จอน เซดา) บนผืนทะเลอันไพศาลที่เป็นสมรภูมิแปซิฟิกในสงครามโลกครั้งที่สอง ประสบการณ์เหนือคำบรรยายของพวกเขาและเพื่อนนาวิกโยธินเริ่มต้นจากการปะทะกับ ทหารญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในป่าทึมแห่งกัวดาลคานัล ผ่านป่าลึกในเคปโกลสเตอร์ ไปจนถึงที่มั่นแนวปะการังเปเลลู ชายหาดสีเลือดแห่งอิโวจิมา ลานสังหารในโอกินาวา และเส้นทางกลับบ้านพร้อมกับชัยชนะและอุปสรรคนานาประการหลังจากวันที่มีชัย ชนะเหนือญี่ปุ่น







THE PACIFIC นำเนื้อหาบางส่วนมาจากหนังสือ With the Old Breed โดย ยูยีน บี สเล็ดจ์ ซึ่งได้รับการยกย่องจากนักประวัติศาสตร์ พอล ฟัสเซลล์ ว่าเป็น “บันทึกความทรงจำจากสงครามที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งทีเดียว” และ Helmet for My Pillow โดยโรเบิร์ด เลคกี (ผู้รับรางวัล Marine Corps Combat Correspondents Annual Award) พร้อมทั้งเนื้อหาเพิ่มเติมจาก Red Blood , Black Sand โดยชัค เททัม China Marine โดยยูยีน บี สเล็ดจ์ ตลอดจนการสัมภาษณ์ที่ดำเนินการโดยผู้สร้าง ผู้ที่บันทึกประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่สองทางวาจาต่อเนื่องจากบิดา คือ สตีเฟน อี แอมโบรส (ผู้เขียน Band of Brothers) ก็คือฮิวจ์ แอมโบรส ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของมินิซีรี่ส์เรื่องนี้ด้วย











THE PACIFIC ผลิต โดย HBO ร่วมกับ Playtone และ DreamWorks Television การถ่ายทำดำเนินการที่ Melbourne Central City Studios ในกรุงเมลเบิร์น วิคตอเรีย และรอบๆ กรุงเมลเบิร์น ซึ่งเป็นที่ตั้งค่ายทหารของสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1943 และในสถานที่ต่างๆ อีกหลายแห่งทางเหนือของควีนส์แลนด์ ซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นผลงานของ







ผู้กำกับฝีมือเยี่ยมหลายคน: คา ร์ล แฟรงกลิน (Devil in a Blue Dress) , เดวิด นัทเตอร์ (Entourage ของ HBO) , เจเรมี โพเดสวา (Six Feet Under ของ HBO) , ทิม ฟาน แพทเทน (The Sopranos ของ HBO) , แกรห์ม ยอสต์ (Band of Brothers ของ HBO) และโทนี โท (Band of Brothers ของ HBO)







ผู้เขียนประกอบด้วย: ลอเรนซ์ แอนดรีส์ (Six Feet Under ของ HBO) , มิเชลล์ แอชฟอร์ด (John Adams ของ HBO) , บรูซ ซี แมคเคนนา (Band of Brothers ของ HBO) , จอร์จ เพลเลคานอส (The Wire ของ HBO) , โรเบิร์ต เชนค์คาน (The Quiet American) และแกรห์ม ยอสต์ ดนตรีประกอบโดย ฮานส์ ซิมเมอร์ เจฟฟ์ ซาเนลลี และเบลค นีลลี











นอกจากเจมส์ แบดจ์ เดล (จากเรื่อง Rubicon) โจ มัซเซลโล (จากเรื่อง The Sensation of Sigh) และจอน เซดา (จากเรื่อง Close to Home) แล้ว THE PACIFIC ยัง มีนักแสดงฝีมือดีอีกมากมาย: จอน เบิร์นธัล (จากเรื่อง Eastwick) , โจชัว บิตตัน (จากเรื่อง National Treasure) , ดไวท์ แบรสเวลล์ , เบตตี บัคลีย์ (จากเรื่อง Oz ของ HBO) , ทอม บัดจ์ (จากเรื่อง Last Train to Freo) , จอช โคลส (จากเรื่อง The Unusuals) , เนท คอร์ดดรี (จากเรื่อง United States of Tara) , แมทท์ เครเวน (จากเรื่อง Public Enemies) , ลินดา ครอปเปอร์ (จากเรื่อง McLeod’s Daughters) , แคโรลีน ดาเวอร์นัส (จากเรื่อง Breach) , โนเอล ฟิชเชอร์ (จากเรื่อง The Riches) , เบรนดัน เฟลตเชอร์ (จากเรื่อง 88 Minutes) , ลีออน วิลเลม ฟอร์ด (จากเรื่อง Tsunami: The Aftermath ของ HBO) , สก็อตต์ กิบสัน (จากเรื่อง Breach) , จอช เฮลแมน (จากเรื่อง McLeod’s Daughters) , แอชตัน โฮล์มส (จากเรื่อง Smart People) , แบรนดอน คีนเนอร์ (จากเรื่อง He’s Just Not That Into You) , อิสซาเบล ลูคัส (จากเรื่อง Transformers: Revenge of the Fallen) , รามี มาเล็ค (จากเรื่อง Night at the Museum) , มาร์ติน แมคแคน (จากเรื่อง Closing the Ring) , เอียน มีโดวส์ (จากเรื่อง Home and Away) , โทบี เลนนาร์ด มัวร์ (จากเรื่อง Dollhouse) , เฮนรี นิกสัน (จากเรื่อง The Black Balloon) , คีธ น็อบส์ (จากเรื่อง The Black Donnellys) , คอนเนอร์ โอฟาร์เรล (จากเรื่อง CSI) , แอนนี พารีสส์ (จากเรื่อง Law & Order) , เจคอบ พิตต์ส (จากเรื่อง 21) , วิลเลียม แซดเลอร์ (จากเรื่อง The Shawshank Redemption) , แกรี สวีต (จากเรื่อง Police Rescue) , แอนนา ตอร์ฟ (จากเรื่อง Fringe) , แคลร์ ฟาน เดอร์บูม (จากเรื่อง Rush) และดีแลน ยัง (จากเรื่อง Canal Road)







Episode 1: Guadalcanal/Leckie



Episode 2: Basilone



Episode 3: Melbourne



Episode 4: Gloucester/Pavuvu/Banika



Episode 5: Peleliu Landing



Episode 6: Peleliu Airfield



Episode 7: Peleliu Hills



Episode 8: Iwo Jima



Episode 9: Okinawa



Episode 10: Home








มินิซีรี่ส์ต้นทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ HBO

[endtext]

The Pacific บรรยายไทย เสียงอังกฤษ

0
[postlink]https://aodnoommovieclub.blogspot.com/2010/06/blog-post_25.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=5KZKzbkphKEendofvid
[starttext]




ประเภท ซีรีส์เกาหลี ทั้งหมด 12 แผ่น 62 ตอน



ออกอากาศ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 17.45-19.45 น. ทางไทยทีวีสี ช่อง 3



เรื่องย่อ



ซอนต็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน Queen Seon Deok& #8220 ราชินีซอนต๊อก& #8221 กล่าวถึงเรื่องราวขององค์หญิงต๊อกมานที่ถูกทอดทิ้ง ระหกระเหินออกจากวังหลวงด้วยเหตุอันมาจากคำพยากรณ์ที่เป็นอัปมงคล ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส เผชิญกับการฝ่าฟันแย่งชิงอำนาจในวังหลวงจนกลายเป็นปฐมราชินีแห่งแคว้นซิลลา ราชินีซอนต๊อก



มีซิล ครองอำนาจล้นฟ้าในวังหลวง พระเจ้าจินพยองและมเหสีมายาให้กำเนิดพระธิดาฝาแฝด สำหรับพระเจ้าจินพยองแล้ว การให้กำเนิดพระธิดาฝาแฝดกลับเป็นสิ่งอัปมงคล ด้วยยึดติดกับคำพยากรณ์ที่ว่า & #8220 ให้กำเนิดลูกสาวฝาแฝด สิ้นชายครองบัลลังก์& #8221 พระเจ้าจินพยองทรงไม่มีทางเลือกจึงจำต้องส่งคนพาต๊อกมานพระธิดาฝาแฝดคนรอง ไป จากวังหลวง แต่มีซิลกลับส่งคนไปลอบสังหาร ขณะที่ต๊อกมานกำลังอยู่บนความเป็นความตายนั่นเองได้รับความช่วยเหลือจากมุ นโนแห่งสำนักองครักษ์ มุนโน มอบต๊อกมานให้อยู่ในอุปการะของโซวา ซึ่งเป็นนางกำนัลของพระเจ้าจินพยอง โซวาพาต๊อกมานเดินทางไปยังทะเลทรายในแผ่นดินจีน โดยเปิดโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่งเพื่อยังชีพ



มีซิลศัตรูที่ร้ายกาจขององค์หญิงต๊อกมานนั้นใช้ความงามจนเป็นที่โปรดปราน ของพระเจ้าจินฮึง และมีอำนาจล้นฟ้าในวังหลวง นางซึ่งมักใหญ่ใฝ่สูง หลังจากที่พระเจ้าจินฮึงสวรรคตแล้ว นางก็ให้การสนับสนุนพระเจ้าจินพยอง ซึ่งยังพระเยาว์ขึ้นครองราชย์ หลังจากที่พระมเหสีของพระเจ้าจินพยองให้กำเนิดพระธิดาฝาแฝดแล้ว มีซิลก็ใช้ชีวิตของพระธิดาฝาแฝดข่มขู่พระเจ้าจินพยอง เพื่อที่นางจะได้ครองอำนาจล้นฟ้าตลอดไป โชคดีที่มุนโนและโซวาช่วยชีวิตต๊อกมานเอาไว้ ทำลายแผนการของมีซิลจนพังพินาศลง กระนั้นมีซิลก็ยังคงไม่ละทิ้งที่จะแสวงหาอำนาจมาครอบครอง ด้วยการวางแผนร้ายเพื่อให้สามีของนางได้ขึ้นครองบัลลังก์ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเห็นองค์หญิงชอน-มยองพี่สาวขององค์หญิงต๊อกมานเป็น เสี้ยนหนาม



ในช่วงที่มีซิลมีอำนาจล้นฟ้า องค์หญิงชอน-มยอง ซึ่งมีไหวพริบสติปัญญาเฉลียวฉลาดเหนือคนธรรมดาก็ตัดสินใจ เก็บซ่อนอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้เพื่อไม่ให้มีซิลรู้ แต่ในทุกครั้งที่ประสบวิกฤต ความสามารถและภาวะผู้นำขององค์หญิงชอน-มยอง ก็ปรากฏออกมาจนสามารถฝ่าฟันวิกฤตไปได้ ทั้งที่องค์หญิงชอน-มยอง และคิมยองซูแต่งงานกันจนมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่าคิมชุนชูก็ตาม แต่ดวงใจขององค์หญิงชอน-มยอง กลับปฏิพัทธ์ต่อคิมยูซินซึ่งเคยช่วยชีวิตนางมาก่อน



คิมยูซินแม่ทัพแคว้นซิลลามีวรยุทธลึกล้ำ หลังจากที่ช่วยชีวิตองค์หญิงชอน-มยอง ให้รอดพ้นจากการปองร้ายของมีซิลแล้ว ก็ได้รู้จักกับต๊อกมาน ในช่วงเวลาที่คิมยูซินให้ ความช่วยเหลือองค์หญิงต๊อกมาน สานความฝันที่จะรวบรวมสามแคว้นเป็นหนึ่งเดียวกันให้กลายเป็นจริงขึ้นมานั่น เอง คิมยูซินก็ตกหลุมรักองค์หญิงต๊อกมาน กลายเป็นคนที่อยู่เคียงข้างสนับสนุนองค์หญิงต๊อกมานด้วยความภักดี จากความช่วยเหลือของคิมยูซิน ในที่สุดองค์หญิงต๊อกมานก็สามารถโค่นอำนาจของมีซิลลงได้กลายเป็นปฐมราชินี แห่งแคว้นซิลลา



ทำความรู้จักมหาราชินี ซอนต๊อก



ซอนต๊อก มหาราชินีแห่งอาณาจักรชิลลา หนึ่งในสามอาณาจักรของเกาหลี ทรงครองราชย์อยู่ระหว่างปี ค.ศ. 632 & #8211 647 พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองอาณาจักรพระองค์ที่ 27 แห่งอาณาจักรชิลลา และทรงเป็นราชินีพระองค์แรกที่ขึ้นครองบัลลังก์



ก่อนจะ ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ราชินี ซอนต๊อกทรงเป็นที่รู้จักกันในพระนาม & #8220 องค์หญิงต๊อกมาน& #8221 ทรงเป็นพระธิดาพระองค์ที่ 2 ในบรรดาพระธิดา 3 พระองค์ของกษัตริย์จินพยอง เมื่อพระโอรสขององค์หญิงชอนเมียง น้องสาวของพระองค์ ขึ้นครองราชย์ ในขณะที่น้องสาวของพระองค์คือองค์หญิงซันวาทรงอภิเษกสมรสกับพระราชามูแห่ง อาณาจักรแพ็กเจและมีพระโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์คือองค์ชายยูจา เนื่อง จากพระเจ้าจินพยองไม่มีพระโอรส ดังนั้นพระองค์จึงทรงเลือกซอนต็อกเป็นรัชทายาท ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เป็นปกติในอาณาจักรชิลลา ที่ผู้หญิงจะมีบทบาททางสังคมมาก โดยในยุคของพระองค์พระองค์ทรงเป็นผู้หญิงที่ได้รับพระราชอำนาจให้เป็นทั้ง ที่ปรึกษา , ทรงเป็นราชินีม่ายผู้เพียบพร้อม และยังเป็นผู้สำเร็จราชการอีกด้วย โดยตลอดรัชสมัยของพระองค์ผู้หญิงเป็นผู้ นำครอบครัว ทำให้ผู้สืบเชื้อสายราชินิกุล (นับทางพระมารดา) จะมีอำนาจมากกว่าผู้สืบเชื่อสายข้างราชนิกุล (นับทางพระราชบิดา) ซึ่งตรงกันข้ามกับหลักของขงจื้อ ซึ่งกำหนดสถานภาพของผู้หญิงให้ต่ำกว่าผู้ชาย แต่สถานภาพดังกล่าวนี้กลับไม่ได้รับการยอมรับในเกาหลีโบราณ จนกระทั่งถึงยุคโชซอน ประมาณ ศตวรรษที่ 15 ดังนั้นในช่วงของอาณาจักรชิลลา สถานภาพของผู้หญิงจึงยังสูงอยู่ แต่อย่างไรก็ตามพวกเธอก็ยังคงถูกคาดหวังให้ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบหน้าที่ของ ผู้หญิงอยู่นั่นเอง



ซอนต็อก ทรงอยู่ในราชบัลลังก์ชิลลาตั้งแต่ปี ค.ศ. 634 & #8211 647 พระองค์ทรงเป็นผู้หญิงพระองค์แรกใน 3 พระองค์ซึ่งขึ้นมามีอำนาจในราชบัลลังก์ชิลลา พระองค์ทรงเป็นพระราชชายาของพระเจ้าโรซาพาพัน และทรงครองราชย์สำเร็จด้วยความช่วยเหลือของลูกพี่ลูกน้องของเธอจินด็อก ผู้ซึ่งขึ้นครองราชย์ต่อจากเธอจนกระทั่งปี ค.ศ. 654 ในช่วง รัชสมัยของพระองค์เป็นรัชสมัยหนึ่งที่มีแต่ความรุนแรง มีกบฏเกิดขึ้นมากมาย ซ้ำยังต้องทำสงครามกับอาณาจักรเพื่อนบ้านอย่างแพ็กเจตลอดรัชสมัยของพระองค์ อีกด้วย ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ ทำให้พระองค์ได้ขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะราชินีผู้ครองอาณาจักรชิลลา ด้วยวัยเพียงพระชันษา 14 พรรษา พระองค์ทรงสามารถรวบรวมอาณาจักรให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้และยังได้ขยาย อาณาจักรโดยการผูกสัมพันธ์กับจีนแผ่นดินใหญ่อีกด้วย โดยการส่งบัณฑิตไปศึกษาที่ประเทศจีนเป็นต้น พระองค์ทรงปฏิบัติคล้ายกับพระนางบูเช็คเทียน มหาราชินีแห่งราชวงศ์ถัง โดยการวางพระองค์เป็นศาสนาพุทธ และเข้าปกครองเหนือวัดในพุทธศาสนาได้สำเร็จ พระองค์ ทรงสร้าง & #8220 หอดูดาว& #8221 หรือ ชอมซองแด ซึ่งถูกบันทึกไว้ว่าเป็นหอดูดาวแห่งแรกในตะวันออกไกล หอดูดาวแห่งนี้ยังคงอยู่ในเมืองหลวงเก่าของชิลลา ที่เมืองกยองจูในประเทศเกาหลีเหนือ



เปิดตำนานนางกษัตริย์



ตามตำนานเชื่อกันว่าการที่ซอนต๊อกได้สืบราช สมบัติต่อจากพระราชบิดาเป็นเพราะพระปรีชาสามารถที่ลึกล้ำและโดดเด่นของ พระองค์เมื่อยังคงดำรงพระยศเพียงแค่เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเท่านั้น หนึ่งในเรื่องเล่าขานถึงพระปรีชาญาณของพระองค์ซึ่งบันทึกอยู่ในซัมกุกซากอ และซัมกุกยูซาคือเรื่องเมื่อคราวที่พระราชบิดาของพระองค์ทรงได้รับกลองเมล็ด พันธ์ของดอกโบตั๋นจากฮ่องเต้ไท่ซงแห่งราชวงศ์ถังพร้อมกับภาพวาดของดอกไม้ที่ คล้ายกับดอกโบตั๋น ซอนต๊อกซึ่งในขณะนั้นยังไม่ได้แต่งงานทอดพระเนตรภาพดัง กล่าวทรงตั้งข้อสังเกตว่า ดอกไม้ในภาพดูเหมือนจะงดงามแต่จริงๆ แล้วเป็นดอกไม้ที่ไม่ได้งามดังที่ภาพวาดแสดงออกมานั่นเป็นเพราะเป็นดอกไม้ ซึ่งไร้กลิ่นหอม โดยทรงบอกว่า & #8220 ถ้ามันเป็นดอกไม้ที่งดงามจริง มันควรมีผีเสื้อและผึ้งบินอยู่โดยรอบด้วย& #8221 ข้อสังเกตของพระองค์เกี่ยวกับภาพดอกโบตั๋นไร้กลิ่นนี้ได้รับการพิสูจน์ว่า ทรงวินิจฉัยถูกต้อง นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงพระปรีชาญาณของพระองค์







อีกหนึ่ง เรื่องเล่าขานเกี่ยวกับพระปรีชาสามารถของพระองค์คือเมื่อครั้งที่พระองค์ทรง ได้ยินเสียงคล้ายเสียงของฝูงกบร้องมาจากบึงน้ำในฤดูหนาว ทรงตีความว่าแท้จริงแล้วเป็นเสียงของการทัพแพ็คเจซึ่งเคลื่อนพลใกล้เข้ามา แล้ว และกำลังมุ่งหน้ามายังตอนเหนือของชิลลาที่หมู่บ้านสตรี เนื่องจากเสียงร้องของฝูงกบนั้นคล้ายคลึงกับเสียงโห่ร้องของกองทหารนั่น เอง และเมื่อพระองค์ส่งแม่ทัพนายกองรวมถึงแอลชอนไปยังหมู่บ้านสตรี กองทัพของพระองค์ก็ทรงสามารถจับทหารแพ็กเจได้กว่า 2 , 000 นาย นอกจาก นี้ยังมีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับพระปรีชาสามารถในการคาดการณ์ของพระองค์อีก เรื่องหนึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสวรรคตของพระองค์ โดยก่อนที่พระองค์จะสวรรคต พระองค์ได้ทรงเรียกข้าหลวงและข้าราชการของพระองค์เข้าพบและทรงสั่งเสียไว้ ว่า & #8220 หากพระองค์สวรรคตแล้วให้ฝังพระองค์ไว้ใกล้กับโดริชอน ซึ่งในอีก 10 ปีต่อมาหลังจากที่พระองค์สวรรคต พระเจ้ามุนมู พระราชาองค์ที่ 30 ก็ได้ทรงสร้างซาชอนวังซา (วัดพระราชาแห่ง สี่ภพ) ไว้ในสุสานของพระนาง หลังจากนั้นบรรดาขุนนางก็ได้ตระหนักว่าหนึ่งในพุทธวัจนะของพระพุทธเจ้าได้ บอกไว้ว่า & #8220 โดริชอน& #8221 อยู่เหนือ & #8220 ซาขอนวังชอน& #8221 ซึ่งเป็นสถานที่ที่มหาราชินีซอนต๊อกทรงสร้างไว้นั่นเอง







เรื่องราวขององค์หญิงต๊อกมานที่ถูกทอดทิ้ง

[endtext]

ซอนต็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน

0
[postlink]https://aodnoommovieclub.blogspot.com/2010/06/24.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=-Wa8Iag2rOwendofvid
[starttext]





- Season1-7 ต้นฉบับเป็น V2D l พากย์เสียงไทย มาสเตอร์ พากย์ไทย
-season 8 เป็น DVD SUB THAI






แจ็ค บาวเออร์ พระเอกจอมอึด

โคลอี้ สุดยอดนักคอมพิวเตอร์ของ CTU

24 ชั่วโมง วันอันตราย

ซีรี่ส์สุดมันส์ของค่าย Fox เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหน่วยต่อต้านผู้ก่อการร้าย (CTU: Counter Terrorist Unit) โดยมีตัวเอกของเรื่องคือ Jack Bauer (แจ๊ค บาวเออร์) พระเอกจอมอึดของเรื่อง โดย 24 นั้นมีการดำเนินเรื่องที่แตกต่างจากซีรี่ส์เรื่องอื่น ๆ เพราะว่า 24 นั้นหมายถึงจำนวนชั่วโมงของซีรี่ส์ คือใน 1 ซี่ซั่นนั้น เราจะได้ดูทั้งหมด 24 ตอน (ชั่วโมง) กันเลยทีเดียว เช่นปมของปัญหาเริ่มตอน 8.00 ของวันจันทร์ ปัญหาของเรื่องจะไปจบลงเอาวันอังคาร ตอน 8.00 เช่นกัน ซึ่งในแต่ละชั่วโมงนั้นบอกได้เลยว่าลุ้นทุกชั่วโมง แทบไม่ได้เห็นตัวเอกไปอาบน้ำ กินข้าว เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเลยทีเดียว

ซีรี่ส์เรื่องนี้จะเน้นที่การไล่ล่าหาคนร้ายที่คอยบ่งการ เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายกับประเทศ โดยในหน่วย CTU นั้นมีเครื่องมือทาง IT และอุปกรณ์ต่าง ๆ ทันสมัยมาก คนที่ชอบหนังแนวแอ็คชั่น น่าจะหลงรักซีรี่ส์อย่าง 24 ได้ไม่ยากนัก



24 เล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่ตัวเอก แจ็ค บาวเออร์ (เคียเฟอร์ ซัทเธอแลนด์) บรรยายว่า “เป็นวันที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของผม” เขาเป็นเจ้าหน้าที่ CTU (Counter-Terrorist Unit) หรือหน่วยต่อต้านผู้ก่อการร้าย วันที่เขาพูดถึงนั้นเป็นวันอังคารเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งตัวเก็งอันดับหนึ่ง เดวิด ปาล์มเมอร์ (เดนนิส เฮส์เบิร์ต) ผู้ยังอาจได้เป็นประธานาธิบดีผิวดำคนแรกนั้นตกเป็นเป้าหมาย แต่ปรากฏว่าผู้ก่อการร้ายวางแผนซับซ้อนกว่าแค่ลอบสังหารมากนัก เพราะไม่นานทั้งกรม CTU หรือแม้แต่ครอบครัวของแจ็คเองก็ไม่อาจหลุดพ้นจากปฏิบัติการนี้ได้

ช่วงแรกของ 24 แบ่งการเล่าเรื่องเป็นห้าส่วน ส่วนแรกคือแจ็ค ผู้ต้องสืบสวนแผนการลอบสังหาร พร้อมทั้งหาไส้ศึกที่ซ่อนอยู่ใน CTU ไปพร้อมๆกัน เหตุการณ์นี้ยิ่งซับซ้อนกว่าที่ควรจะเป็นเพราะความตึงเครียดระหว่างเขา , คนใต้บังคับบัญชาของเขา นีน่า มายเออส์ (ซาร่าห์ คลาก) ที่เคยเป็นคนรักและเลิกกันไปเมื่อเขาคืนดีกับภรรยาหลังแยกกันอยู่ , และคนใต้บังคับบัญชาของนีน่า -- โทนี่ อัลไมดา (คาร์ลอส เบอร์นาร์ด) ที่หลงรักนีน่ามานาน จึงมีอคติกับแจ็ค และพร้อมจะรายงานเขาให้หัวหน้าเล่นงานได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อแจ็คเองเป็นผู้ชอบแหกกฎอยู่แล้ว





ส่วนที่สองเล่าถึงลูกสาวของแจ็ค -- คิม บาวเออร์ (อีลิชา คัธเบิร์ต) ที่แอบหนีออกจากบ้านหลังเที่ยงคืนเพื่อไปพบกับเพื่อนที่นัดผู้ชายสองคนเอา ไว้ แต่ค่ำคืนแห่งการปาร์ตี้เปลี่ยนไปเมื่อพวกเธอไม่ได้กลับบ้าน...และดูเหมือน เหตุของเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับงานของพ่อเธอ ส่วนที่สามนั้นคือเมื่อแม่ของเธอ เทอรี่ บาวเออร์ (เลสลี่ โฮป) ออกตามหาเธอพร้อมกับพ่อของเพื่อนคนนั้น แต่ทั้งคู่กลับต้องเข้าไปพัวพันกับแผนการต่างๆด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนที่สี่ติดตาม เดวิด ปาล์มเมอร์ ซึ่งความลับในอดีตของครอบครัวที่เขาไม่รู้มาก่อนกำลังจะสั่นคลอนชีวิตเขา อย่างหนัก และส่วนสุดท้ายนั้น...บอกจากมุมมองของผู้ก่อการร้ายโดยตรง





สำหรับละครทีวีที่มีความยาวราวๆ 16-17 ชั่วโมง การแสดงนั้นค่อนข้างถือว่าดีเลยทีเดียว การแสดงของเคียเฟอร์ ซัทเธอแลนด์ในบทของเจ้าหน้าที่ผู้ต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายทำให้แจ็ค บาวเออร์กลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่ติดปากทั่วบ้านทั่วเมือง (ในแบบเดียวกับที่ Jennifer Aniston ดังจาก Friends) ดูเผินๆแจ็ค บาวเออร์อาจเป็นคนธรรมดาที่ออกเคร่งจริงจังไปนิด แต่ถ้าได้รู้จักจริงๆ คุณจะรู้ว่าเขาเป็นคนแหกกฎตัวร้าย ปากแหลมคม เป็นนักล่าที่กัดไม่ปล่อยอย่างน่ากลัว และจะทำ(แทบ)ทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งผู้ก่อการร้ายถึงที่สุด แต่ภายใต้ความมุ่งมั่นไม่สนหัวใคร กลับมีความอ่อนไหวลึกๆและความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์(แบบแปลกๆ)ซ่อนอยู่ และถ้าเขาชอบใครหรือรักใครแล้ว จะจริงจังกับความรู้สึกนั้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวของเขา(ซึ่งกลายมาเป็นจุดอ่อนในหลายๆโอกาส) เคียเฟอร์ ซัทเธอแลนด์ไม่มีปัญหาเลยในการเล่นตัวละครบทเด่นๆมีเอกลักษณ์แบบนี้ ทำให้แจ็ค บาวเออร์เป็นตัวละครไอคอนประเภทที่คนติดตาม ชื่นชม หวาดบ้าง แต่สุดท้ายก็อดรักหรือเชียร์ไม่ได้

ตัวละครอื่นๆที่เหลือไม่มีใครแย่เป็นพิเศษให้เอ่ยถึง ทุกคนทำหน้าที่ในบทบาทของตนได้ไม่ขาดไม่เกิน แต่สามคนที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือผู้แสดงเป็นเดวิด ปาล์มเมอร์ กับภรรยาของเขา ซึ่งแสดงความสัมพันธ์อันซับซ้อนของสามีภรรยาในวงสังคมสูงได้อย่างน่าเชื่อ ถือและจริงจนเศร้าทีเดียว สุดท้ายคือเลสลี่ โฮปผู้แสดงเป็นภรรยาของแจ็ค ไม่ว่าคุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเธอยังไงในตอนต้น แต่เมื่อเรื่องราวเดินหน้าไป ตัวละครคนนี้จะทำให้คุณชอบขึ้นเรื่อยๆ เพราะเธอมีส่วนคล้ายแจ็ค ภายนอกดูบอบบางเล็กน้อย แต่ไหวพริบ ความกล้าหาญ และความเฉลียวฉลาดแทบจะไม่แพ้กันเลย

แล้วก็มาถึงตัวเรื่อง ไม่ว่าจะมีคอนเซ็ปต์หรือตัวละครดีแค่ไหน สิ่งที่ทำให้คนติดตาม 24 ปีแล้วปีเล่าคือเนื้อเรื่องที่เข้มข้นทุกวินาที เต็มไปด้วยจุดหักมุมมากมาย และการคำนวณเนื้อเรื่องอย่างฉลาด จนวินาทีท้ายๆของทุก episode จะมีเหตุการณ์ตื่นเต้น หวาดเสียว หรือช็อคสุดขีดให้เราอยากติดตามเนื้อเรื่องต่อแทบไม่ไหว จุดหักมุมและเหตุการณ์พลิกผันคอยแต่จะมาเรื่อยๆ ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งเดาได้ยากขึ้นและไม่คาดฝันมากขึ้นเรื่อยๆด้วย ความเด่นอีกอย่างคือการที่ผู้สร้างไม่สนใจที่จะสร้างเนื้อเรื่องตามความคาด หวังของผู้ชม มีความรู้สึกในทุกตอนว่าตัวละครตัวนั้นตัวนี้อาจไม่รอดผ่านเหตุการณ์ นี้...อาจตายได้ทุกเมื่อ แม้แต่ตัวพระเอกเอง จุดนี้จะยิ่งเน้นขึ้นใน season ต่อๆไป

และผมต้องขอเน้นจุดหักมุมในตอนจบของชั่วโมงก่อนสุดท้าย -- ชั่วโมงที่ 23 -- เป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าจะมีใครคาดเดาได้ก่อนไหม แต่สำหรับตัวผมเองนั้นต้องขอบอกว่ามันเป็นหนึ่งในการหักมุมที่หยุดลมหายใจ ของผมได้จริงๆ เทียบเคียงได้กับการอ่านตอนจบในผลงานของอกาธา คริสตี้อย่าง ใครฆ่าโรเจอร์ แอ็คครอยด์ หรือ ฆาตกรรมยกเกาะ เลยทีเดียว(แม้การหักมุมจะคนละอย่างกัน) ผมนั่งขนลุกซู่ตลอดเวลาสองสามนาทีนั้น ยังอึ้งนานแม้ episode จะจบไปแล้ว (แน่นอนว่ามันคงจะเป็นจุดที่มีการกล่าวถึงมากที่สุดของ season นี้แน่)

ฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องนี้เกิดขึ้นภายในไม่กี่นาที แต่เป็นช่วงเวลาที่ความตึงเครียดซึ่งมีมาตลอด 23 episode ได้ถึงคราวปลดปล่อยเสียที และช่างเป็นฉากไคลแม็กซ์ที่ดุเดือดเลือดพล่านและชวนสั่นประสาทสุดๆ ทั้งที่มันมีเพียงสองคนในไม่กี่นาทีแค่นั้น! และฉากหลังจากนั้นยังน่าพอใจที่มันเป็นไปตามหลักเกณฑ์ความเป็นจริง ไม่ใช่ตามความคาดหมายของผู้ชม แม้จะเป็นความจริงที่รสขมขื่นก็ตามที

ไม่ใช่ว่าทีวีซีรี่ส์เรื่องนี้ไม่มีจุดบกพร่อง แต่สิ่งที่มันทำถูกนั้นมีมากกว่าหลายเท่านักจนบดบังความบกพร่องแทบทุกอย่าง ได้หมด เช่น ใครจะมามัวสนใจว่าแผนการของผู้ก่อการร้ายพิลึกพิลั่นเพียงใด หรือ เนื้อเรื่องบางทีจะต้องใช้เหตุผลเกินความจริงบ้างเพียงไหน ในตอนที่หัวใจกำลังเต้นแรงและขอให้เหล่าผู้คนในเรื่องผ่านเหตุการณ์นั้นมา ได้โดยดี การดูทีวีไม่เคยเป็นเรื่องสนุกเท่านี้เลย ตอนนี้คงหวังเพียงว่าผู้สร้างจะคงคุณภาพและความแปลกใหม่ในการเล่าเรื่องนี้ ต่อไปได้เรื่อยๆ เพื่อที่ผู้ชมจะได้คอยติดตามภารกิจของแจ็ค บาวเออร์อย่างตาไม่กะพริบ พร้อมกลั้นหายใจยามเขาประสบเหตุการณ์จนมุมจนเจ้าตัวต้องสบถถ้อยคำประจำกาย



ซีรี่ส์สุดมันส์ของค่าย Fox

[endtext]

24 ชั่วโมง วันอันตราย

0
[postlink]https://aodnoommovieclub.blogspot.com/2010/06/crazy-heart.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=Y0349E7kFEMendofvid
[starttext]




รางวัลอคาเดมี่ อวอร์ด ครั้งที่ 82 สาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยม ผู้ชนะได้แก่เพลง "The Weary Kind" จากภาพยนตร์เรื่อง "Crazy Heart"

สำหรับรายชื่อเพลงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมีดังนี้
Almost There จากภาพยนตร์เรื่อง The Princess and the Frog โดยแรนดี้ นิวแมน
Down in New Orleans จากภาพยนตร์เรื่อง The Princess and the Frog โดยแรนดี้ นิวแมน

Loin de Paname จากภาพยนตร์เรื่อง Paris 36 โดยไรน์ฮาร์ดท์ วากเนอร์ และแฟรงก์ โทมัส

Take It Al จากภาพยนตร์เรื่อง Nine โดยมอรี เยสตัน
The Weary Kind (Theme from Crazy Heart) จากภาพยนตร์เรื่อง Crazy Heart โดยไรอัน บิงแฮม และ ที โบน เบอร์เนตต์







[endtext]

Crazy Heart

0
[postlink]https://aodnoommovieclub.blogspot.com/2010/06/agora.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=RbuEhwselE0endofvid
[starttext]



ชื่อภาษาไทย มหาศึกศรัทธากุมชะตาโลก

จัดจำหน่ายโดย บริษัท ยูไนเต็ดโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด

กำหนดฉายหนัง 8 เมษายน 2553

เรื่องย่อหนัง AGORA มหาศึกศรัทธากุมชะตาโลก

อียิปต์ ศตวรรษที่ 4 ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมัน… ความขัดแย้งทางศาสนาคุกรุ่นไปทั่วท้องถนนจนถึงห้องสมุดที่มีชื่อเสียงของเมืองอเล็กซานเดรีย นักดาราศาสตร์หญิงผู้ชาญฉลาด ไฮพาเทีย (ราเชล ไวซ์) และบรรดาสานุศิษย์ของเธอ ต้องต่อสู้เพื่อรักษาไว้ซึ่งภูมิปัญญาแห่งโลกโบราณ… ท่ามกลางเหล่าบุรุษผู้อยู่เคียงข้าง ไฮพาเทียเป็นที่หมายปองของสองชายผู้แก่งแย่งแข่งขันกันเพื่อเป็นเจ้าหัวใจของเธอ หนึ่งคือออเรสทิส (ออสการ์ ไอแซค) ผู้สูงศักดิ์ อีกหนึ่งคือเดวุส (แม็กซ์ มิงเกลลา) ทาสหนุ่มผู้ต้องเลือกระหว่างความรักและอิสรภาพ

AGORA จากถ้อยคำของอเลฆานโดร อเมนาบาร์

“สี่ปีก่อน หลังจบจาก THE SEA INSIDE ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่พิเศษมากสำหรับผม ผมไม่คิดเลยว่าหนังเรื่องต่อไปที่ผมจะทำเป็นเรื่องเกี่ยวกับชาวโรมันและคริสเตียนในยุคอียิปต์โบราณ เป็นเพราะความงดงามของยุคสมัยนั้น ทำให้ผมเกิดอาการอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโลกอันน่าหลงใหลในเมืองอเล็กซานเดรียยุคศตวรรษที่ 4 เกิดจินตนาการถึงถนนหนทาง โบสถ์วิหาร ผู้คน และด้วยแรงจูงใจกับเงินทุน เราก็ทำสิ่งเหล่านั้นให้มีชีวิตขึ้นมาได้”

“ผมไม่สนใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ สิ่งมหัศจรรย์ในงานชิ้นนี้สำหรับผมคือ การเข้าไปสัมผัสโลกวิทยาศาสตร์ ผ่านทางจิตวิญญาณและความรู้สึก จุดมุ่งหมายของเราในหนังเรื่องนี้คือการปรับเปลี่ยนอารมณ์ไปตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจักรวาล ซึ่งอารมณ์ทุกอย่างล้วนเกิดจากความพยายามที่จะเปิดเผยความลึกลับของระบบจักรวาลนั่นเอง”

“เราจบการเล่าเรื่องของไฮพาเทียในศตวรรษที่ 4 ณ เมืองอเล็กซานเดรีย ผ่านกระบวนการที่ละเอียดละออมาก เรื่องราวผ่านมานานสองพันปี ตั้งแต่ยังมีความเชื่อว่าโลกคือศูนย์กลางของจักรวาล เราสืบค้นทุกรายละเอียด เมื่อตอนที่เราศึกษาชีวิตของไฮพาเทียและช่วงเวลาที่เธอมีชีวิตอยู่นั้น เราพบสิ่งที่เกี่ยวข้องกับโลกที่เราอยู่ในปัจจุบันมากมาย มันทำให้เราตื่นเต้น อเล็กซานเดรียคือสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง ที่ถูกทำลายลงอย่างช้าๆ ด้วยความขัดแย้งหลายประการ โดยเฉพาะความขัดแย้งทางศาสนา ช่วงเวลาที่ไฮพาเทียมีชีวิตอยู่เป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงจุดจบของโลกยุคโบราณ และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคกลาง”

“ตั้งแต่เริ่มโปรเจ็คท์นี้ เป้าหมายของผมคือการทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังติดตามชมสารคดี CNN ที่นำเสนอเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 4 ความรู้สึกเร่งรีบฉับไวคล้ายภาพข่าวคือวิธีการขั้นแรกของผม ผมอยากทำลายขนบอันแข็งแกร่งของหนังประวัติศาสตร์ทั้งหลาย ที่ชอบถ่ายทำด้วยฟิล์มขนาดใหญ่ รวมถึงชอบใช้ภาพมุมกว้างและดนตรีประกอบโอ่อ่าอลังการ ผมต้องการหลีกหนีจากรูปแบบปกติที่มักใช้กันในหนังแนวนี้ ดังนั้น เมื่อมีเหตุการณ์ปะทะกันเกิดขึ้นบนท้องถนน ภาพที่ออกมาจึงไม่ควรมีองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบมากนัก เราทำให้มันใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยการเลือกที่จะนำเสนอสิ่งที่เกิดขึ้นโดยตรง ไม่ใช่ด้วยภาพโคลสอัพ แต่เป็นภาพจากมุมถนน และเหนือสิ่งอื่นใด ภาพความรุนแรงไม่ใช่สิ่งที่เราเน้นย้ำ”

“หนังเรื่องนี้ถูกกำหนดให้เป็นโปรเจ็คท์นานาชาติตั้งแต่แรก เราถ่ายทำที่อังกฤษ เพราะเรากำลังพูดถึงเงินลงทุนจำนวน 50 ล้านยูโร มันคงเป็นการฆ่าตัวตายแน่ ถ้าโปรเจ็คท์นี้จะเป็นของสเปนล้วนๆ ถ่ายในสเปน ใช้เฉพาะนักแสดงชาวสเปน และจากนั้นก็คอยหวังว่าจะได้ทุนคืน ความจริงอีกเรื่องหนึ่งคือ อเล็กซานเดรียเป็นศูนย์รวมของสารพัดวัฒนธรรมและภาษา ทำให้ผมคิดว่าคงมีคนพูดภาษาอังกฤษกันทั่วไปตามท้องถนนที่นั่น”

“AGORA คือเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง ของเมืองๆ หนึ่ง ของความเจริญรุ่งเรืองครั้งหนึ่ง และของดาวดวงหนึ่ง AGORA คือดวงดาวเบื้องบนที่พวกเราอาศัยอยู่ด้วยกัน เราพยายามแสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ภายในส่วนประกอบของมนุษย์ทุกชาติพันธุ์บนโลก และโลกภายในส่วนประกอบของจักรวาล ที่มนุษย์เป็นเพียงมดปลวก และโลกเป็นแค่ลูกบอลลูกเล็กๆ ที่หมุนอยู่เคียงข้างดาวดวงอื่นๆ อีกมากมาย นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกนำเสนอเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ บางครั้งผมฝันอยากให้ตัวเองสามารถมองย้อนกลับไปยังอดีตที่เคยเกิดขึ้นจริง แม้จะมีเวลาแค่ห้านาทีหรือห้าวินาทีก็ตาม และสิ่งที่เราพยายามทำในหนังเรื่องนี้ คือการให้โอกาสคนดูได้มองเห็นอดีตเป็นเวลาสองชั่วโมง”

“ผมอยากให้หนังทุกเรื่องของผมเป็นการเดินทาง เรื่องนี้ก็คือการเดินทางในเวลาและอากาศ เป็นประสบการณ์ที่เต็มตื้นมากตั้งแต่นาทีแรกที่มาเทโอ จิล, เฟอร์นานโด บาวาอิรา และผมเริ่มฝันถึงโปรเจ็คท์นี้ จนกระทั่งถึงนาทีสุดท้าย ผมหวังเพียงว่าผมชมจะรู้สึกดื่มด่ำกับมันเหมือนอย่างที่พวกเรารู้สึก AGORA ในหลากหลายความหมายคือ ประวัติศาสตร์ของอดีตซึ่งบ่งบอกถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน มันคือกระจกเงาให้คนจ้องมองเข้าไปผ่านระยะทางของกาลเวลา แล้วพบว่าโลกเราเปลี่ยนแปลงไปน้อยขนาดไหน”

รายชื่อนักแสดง
Rachel Weisz
Max Minghella
Oscar Isaac
Rupert Evans

ผู้กำกับ
Alejandro Amenábar




ความขัดแย้งทางศาสนา เป็นสิ่งเปราะบาง

[endtext]

AGORA มหาศึกศรัทธากุมชะตาโลก

0
[postlink]https://aodnoommovieclub.blogspot.com/2010/06/serious-man.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=7iggyFPls4wendofvid
[starttext]




ชื่อภาษาไทย เฮ้อ..โลกมันเครียด ขอซีเรียสซะให้เข็ด

จัดจำหน่ายโดย United Home Entertain

กำหนดฉายหนัง 4 มีนาคม 2553 เฉพาะ Apex และ SF World Cinema

เรื่องย่อหนัง A Serious Man

เรื่องราวของชายคนหนึ่ง ผู้แสวงหาทางออกของชีวิตในยุคที่เสียงเพลงของวงเจฟเฟอร์สัน แอร์เพลนดังกระหึ่มอยู่ในวิทยุ และภาพยนตร์ชุด F-Troop ยังคงออกอากาศทางโทรทัศน์ นั่นคือปี ค.ศ. 1967

แลร์รี่ จ็อพนิค (ไมเคิล สทูห์ลบาร์ก) ศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัยมิดเวสเทิร์นอันเงียบสงบ เพิ่งรู้จากปากของภรรยา จูดิธ (ซารี เลนนิค) ว่าเธอกำลังจะทิ้งเขาไปหาชายคนใหม่ ซาย เอเบิลแมน (เฟรด เมลาเมด) ผู้ที่ดูเหมือนจะมีอนาคตที่มั่งคั่งมั่นคงกว่าตัวเขา แต่นี่ยังไม่ใช่ปัญหาเดียวที่แลร์รี่ต้องเผชิญ เมื่อรอบกายเขายังมีอาเธอร์ (ริชาร์ด ไคนด์) พี่ชายถังแตกผู้เอาแต่นอนแกร่วอยู่บนเก้าอี้นวม, แดนนี่ (แอรอน วูล์ฟ) ลูกชายจอมขี้เกียจผู้มีปัญหาเรื่องระเบียบวินัยที่โรงเรียน และซาราห์ (เจสสิกา แมคมานุส) ลูกสาวผู้ชอบฉกเงินจากกระเป๋าสตางค์ของพ่อ

ระหว่างที่จูดิธและซายกำลังสุขสำราญกับชีวิตส่วนตัวของพวกเขา อาเธอร์ก็กลายมาเป็นภาระหนักอกของแลร์รี่มากขึ้นๆ ทุกวัน หนำซ้ำยังมีมือดีส่งบัตรสนเท่ห์มาโจมตีเรื่องการทำงานของเขาในมหาวิทยาลัย รวมถึงการที่นักศึกษาคนหนึ่งพยายามติดสินบนเขาเพื่อให้สอบผ่าน แค่นี้ยังไม่พอ แลร์รี่ยังต้องทนทรมานกับการที่สาวสวยข้างบ้านมานอนเปลือยกายอาบแดดให้เขาเห็นเป็นประจำ

เมื่อปัญหาต่างๆ รุมเร้ารุนแรงมากขึ้นทุกขณะ แลร์รี่ต้องรีบรุดไปขอคำแนะนำจากแร็บไบสามท่านผู้ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แต่ใครเล่าจะช่วยรักษาอาการป่วยใจของแลร์รี่ และทำให้เขาหลุดพ้นจากการเป็น ‘ผู้ชายอมทุกข์คนหนึ่ง’ ได้?

รายชื่อนักแสดงนำ
ไมเคิล สตัลบาร์ก
ริชาร์ด ไคลน์
เฟร็ด เมลาเมด
ซาริ เลนนิค

ผู้กำกับ
โจเอล
อีธาน โคน





ผู้แสวงหาทางออกของชีวิต

[endtext]

A Serious Man เฮ้อ..โลกมันเครียด ขอซีเรียสซะให้เข็ด

0
[postlink]https://aodnoommovieclub.blogspot.com/2010/06/httpwww.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=wRZ4BzLkXeIendofvid
[starttext]



ชื่ออังกฤษ The Little Comedian
ชื่อไทย บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้)
ประเภทหนัง Comedy/Family
ผู้กำกับ วิทยา ทองอยู่ยง และ เมษ ธราธร
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 11 March 2010
ความยาวหนัง -
นักแสดง พอลล่า เทย์เล่อร์, ด.ช.ชวิน ลิขิตเจริญพงษ์, จตุรงค์ มกจ๊ก, อรอนงค์ ปัญญาวงค์, ขวัญจิต ศรีประจัญ, ณิชาพัชร์ จารุรัตนาวารี
เรทภาพยนตร์ - ไทย
(ดูรายละเอียด) ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป
เรทภาพยนตร์ - สากล -
สถานที่ถ่ายทำ -
ภาษา -
เว็บไซต์ -


บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) | เรื่องย่อ

เรื่องราวของ ต๊อก เด็กชายวัยประถมหก ที่เกิดมาในครอบครัวตลกคาเฟ่ ที่สืบทอดเสียงหัวเราะมาตั้งแต่บรรพบุรุษ บ้านนี้รับส่งมุขกันโดยสายเลือด ย่าปู ปู่ชง แม่ตบ พ่อตะหลึ่งตึ่งโป๊ะ แต่ปัญหาคือ ต๊อก ทายาทของครอบครัวตลกดันเกิดมามุขฝืดอย่างแท้จริง งานนี้ลูกชายคนนี้จึงกลายเป็นลูกไม้หล่นไกลต้น ที่มีเพียงคุณหมอรักษาสิว น้ำแข็ง (พอลล่า) คนเดียวที่ขำกับมุขตลกของลูกตลกที่ไม่ตลกคนนี้ จึงทำให้เกิดความรักความผูกพันต่างวัย ที่ดูแล้วต้องอมยิ้มกันทั่วหน้า


หนังฮา น้ำตาไหล

[endtext]

บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้)

0
[postlink]https://aodnoommovieclub.blogspot.com/2010/06/postlinkhttpbloggertube-btemplates.html[/postlink]http://www.youtube.com/watch?v=hvLzhK7Vatwendofvid
[starttext]





Stomp The Yard จังหวะระห่ำ หัวใจกระแทก
เสียง : Eng/Thai

Subtitle : Eng/Thai



รายละเอียด:

นักแสดง : Ne-Yo, Meagan Good, Columbus Short, Short, Good, White, Darrin Dewitt Henson, Brian J. Laz Alonso, Valarie Pettiford, Jermaine Williams, Allan Louis, Harry J. Lennix
ผู้กำกับ : Sylvain White


เรื่องย่อ :
หลังจากพี่ชายเสียชีวิตลง ชายหนุ่มผู้รักการเต้นรำเป็นชีวิตจิตใจก็เดินทางไปที่จอร์เจียเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยทรูธ เขาต้องใช้ความพยายามในการเรียนพร้อมทั้งจีบสาวไปด้วย ความพยายามของเขานั้นเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อเขาเข้าประกวดการเต้นของนักเรียนในหอพักเดียวกัน




หนังเด้น แนวๆ step Up

[endtext]

Stomp The Yard จังหวะระห่ำ หัวใจกระแทก